เด็กผอมกระหร่องขี้โรค กลายเป็นนักกีฬาทีมชาติ อดีตแชมป์เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ปี1999 ที่บรูไน และยังคว้าเหรียญเงินอาเชียนเกมส์อีกด้วย ที่สำคัญตอนนี้เค้ายังมาจับธุรกิจออแกไนซ์กีฬาชื่อดัง เพื่อฝึกฝนและพัฒนาเยาวชนไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล "คุณวิชา รัตนโชติ" ประธานบริษัท นพรัตน์สิน จำกัด กับการเริ่มธุรกิจที่แตกต่าง เพราะไม่ได้มองที่ผลกำไร แต่เลือกทำในสิ่งที่ชอบมาก่อน เหนือสิ่งอื่นใดคือความมุ่งมั่นในการพัฒนาวงการกีฬาของไทยให้เติบโตไปข้างหน้า
-จุดเริ่มทำไมถึงเลือกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ
ตอนเด็กเป็นคนที่ผอมบางมาก และขี้โรค คุณแม่กับคุณพ่อให้เลือกเล่นกีฬาสักอย่างหนึ่ง ผมเลือกว่ายน้ำ ตอนนั้น 6 ขวบ เพราะตอนเด็ก ๆมองว่ามันเย็นดีน่าจะสบาย พอเอาเข้าจริงหนักกว่ากีฬาอย่างอื่นเสียอีก เพราะต้องฝึกทั้งว่ายน้ำ วิ่ง ยกน้ำหนัก เพื่อต้องฟิดร่างกาย
-เส้นทางสู่ทีมชาติเป็นอย่างไร ?
เนื่องจากตอนนั้นผมค่อนข้างผอม ไม่แข็งแรง ขี้โรค ซ้อม 7 วัน ป่วย 7 วัน ทำให้เป็นอุปสรรคอย่างมาก แต่ด้วยความเป็นคนพยายาม ขยันซ้อม เวลาซ้อมผมซ้อมเต็มที่ ทำให้ติดทีมชาติชุดใหญ่เมื่ออายุ 14 ขวบ และลงแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรกที่สิงคโปร์ครั้งนั้นได้เหรียญเงิน มองว่าอาจเป็นเพราะความขยัน อดทน มีวินัยในการซ้อม เวลาซ้อมคือซ้อม เวลาพักคือพัก ที่บ้านเวลาพักคือไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัด พักผ่อนให้เต็มที่ เวลาพักก็ไม่พูดถึงเรื่องซ้อมหรือเรื่องแข่งเลย เมื่อกลับมามันเหมือนชาร์ตแบตทำให้เรากระหายในการซ้อมมากขึ้น เป็นเทคนิคเล็ก ๆ
-มุมมองทิศทางกีฬาในประเทศไทย
เมืองไทยต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการเล่นกีฬาบางทีเป็นกระแสเกินไป อย่างช่วงไหนนักกีฬาได้เหรียญทอง คนก็จะแห่ไปสนใจ มันจึงเป็นกระแสเกินไป แต่ก็ดี ผมมองว่าไม่ว่าจะเล่นกีฬาอะไรก็แล้วแต่ดีหมด
-จุดเริ่มของบริษัท นพรัตน์สิน จำกัด
ตั้งแต่เลิกว่ายน้ำมา ผมก็เล่นกีฬาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายฟิต สุขภาพแข็งแรง ผมก็ไปเล่นไตรกีฬา และนี่เป็นจุดเริ่มต้นให้เข้ามาทำธุรกิจด้วยเล็ก ๆ เพราะจะมีคนมาถามเสมอว่า นั่นวิชาใช่หรือเปล่าช่วยสอนว่ายน้ำให้หน่อย ผมก็สอนทีละคนสองคน ทำไปทำมาเริ่มมากขึ้น เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรที่จะแบ่งปันความรู้ที่สะสมมาให้คนอื่น ๆ จึงเกิดการจัดอบรมขึ้นมา จริง ๆที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ผมตัดสินใจออกมาทำตรงนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรัก ผมอยากแบ่งปันความรู้ความสามารถที่ตัวเองได้สะสมมาด้วย ตอนที่เป็นนักกีฬาผมได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอมเริกา ได้ไปฝึกซ้อมกับทีมชาติสหรัฐฯ จึงได้เรียนรู้เทคนิคหลายอย่างในประเทศที่พัฒนาแล้วเค้าทำอะไรกันบ้าง เช่น มีการถ่ายวีดีโอใต้น้ำ วิเคราะห์ผ่านจอ ผมก็เก็บความรู้และอยากมาทำตรงนี้ ซึ่งในเมืองไทยยังไม่ค่อยมีใครทำตรงนี้ เพราะเป็นการลงทุนเรื่องเทคโนโลยีค่อนข้างสูง ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีแต่ไม่มีความรู้ก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ ผมจึงเริ่มจากเปิดสอนที่บ้าน และพัฒนาสู่การทำธุรกิจเต็มตัว เมื่อเริ่มมใหญ่ขึ้นก็ไปเช่าสถานที่ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เริ่มต้นผมสอนเองคนเดียว ปัจจุบันมีทีมชาติท่านอื่นที่ผมเชิญมาด้วย
นพรัตน์สินเปิด Swim Clinic เป็นโปรเจคท์แรก ซึ่งมีผมเป็นคนวิเคราะห์เอง จุดแข็งคือจากประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษาเทคนิคจากที่สหรัฐอเมริกา จึงลงทุนซื้อกล้องใต้น้ำ และเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมทั้งมีทีมงานที่มีความรู้ สิ่งนี้คือจุดแข็ง สำหรับคนที่เข้าอบรมเราไม่ได้จำกัดอายุ ขอให้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ หรือเป็นคนทั่วไปที่สนใจซึ่งต้องว่ายน้ำได้ในระยะที่ผมกำหนดคือ 200 เมตรขึ้นไป คือต้องว่ายน้ำเป็น เราจะไม่สอนคนที่ไม่เป็นเลย โดยจะสอนการแก้สโตรกที่ถูกต้อง นอกเหนือจากนี้ผมยังสอนเทคนิคอุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพในการซ้อมด้วย ตอนนี้ Saim Clinic มีคนรู้จักมากขึ้นและมีเสียงเรียกร้องให้ไปสอนในสถานที่ต่าง ๆค่อนข้างมาก
-การเรียนการสอนเป็นอย่างไร
คอร์ส Swim Clinic จะเริ่มเรียนตั้งแต่ 6.00-12.00 น. มีการอบรมช่วงเช้า จากานั้นจะเป็นการวอร์มอัพเตรียมตัวทั้งแข่งและซ้อม และลงเชิงลึกเรื่องท่ากับการวิเคราะห์วีดีโอ คนที่มาเรียนส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่อยากติดเยาวชนทีมชาติ หรืออยากติดทีมชาติ ซึ่งก็มีผู้ใหญ่มาเรียนด้วยเพราะบางคนอยากว่ายให้ถูกต้องเพื่อสรีระที่ดี เราจะนำเอาเทคนิคใหม่ ๆเข้ามาเสริมตลอด ผลตอบรับมีคนรู้จักเรามากขึ้น มีผู้เรียกร้องมากขึ้น รู้สึกดีใจ มีกำลังใจ ปกติทั่วไปการทำธุรกิจทุกคนหวังผลกำไร ยกเว้นผมที่ทำด้วยใจ เพราะอยากพัฒนาวงการว่ายน้ำ กลุ่มเป้าหมายโฟกัสไปที่นักกีฬาว่ายน้ำและนักกีฬาทั่วไป ถ้าเราทำพื้นฐานให้แข็งแรงก่อน เราทำสิ่งที่ถนัดสิ่งดี ๆจะตามมาเอง
-กลุ่มเป้าหมายค่อนข้างแคบมีการทำการตลาดอย่างไร ?
ว่ายน้ำเป็นกีฬาอายุสั้น อายุ 20 กลาง ๆก็จะหมดแล้ว เพราะกล้ามเนื้อจะรักษาตัวยาก บวกกับสังคมไทยเมื่อเข้าวัยนี้ไม่ทำงานก็ต้องเรียน ทำให้การทุ่มเทในการฝึกซ้อมน้อยลง นักกีฬาที่เข้ามาสมัครกับ Swim Clinic เป็นนักกีฬาไตรกีฬาก็มี อายุ 40-50 ปีเค้าก็ยังเล่นไตรกีฬา ธุรกิจนี้ยังไปได้เรื่อย ๆยังต่อยอดไปได้ ทางบริษัทโชคดีเพราะมีสื่อต่าง ๆให้ความสนใจ เพราะตัวผมเองเป็นนักว่ายน้ำ สื่อก็สนใจช่วยโปรโมตให้เรา คนบอกปากต่อปากก็มาก ที่สำคัญเรายังเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยีเข้ามาสอนเชิงลึกถึงการแก้ไขเทคนิคการว่ายน้ำด้วย สมาคมว่ายน้ำก็ช่วยเราโปรโมต ผู้ฝึกสอนเองก็เชิญทีม Swim Clinic ให้ไปช่วยสอนให้ด้วย ทำให้ผลตอบรับค่อนข้างดี รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายผมนำไปบริจาคให้โรงเรียนกีฬาของกทม. เพราะมองว่าหากเราพัฒนาวงการกีฬาให้มันเติบใหญ่และกว้างขึ้น สักวันหนึ่งผลจะสะท้อนกลับมาหาเราเอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
-จากนักกีฬาผันมาเป็นนักบริหารชีวิตเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน ?
ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไร นักกีฬาหรือผู้บริหารก็ต้องมีระเบียบวินัยเหมือนเดิม ทำงานตั้งแต่ตีห้าเหมือนยังเป็นนักกีฬาที่ต้องตื่นมาซ้อมตั้งแต่ตีห้า ผมทำด้วยใจจึงไม่มีอุปสรรค แต่ก็มีตื่นเต้น เพราะเป็นคนพูดไม่เก่ง ต้องฝึกเรื่องการถ่ายทอด เมื่อองค์กรโตขึ้น เราต้องหาคนมาช่วยโดยเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ ทีมงานต้องเป็นทีมชาติ ซึ่งทีมชาติเหล่านี้ก็ต้องพร้อมที่จะถ่ายทอดและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้การสอนไปในทางเดียวกัน
-มองคู่แข่งและแผนงานในอนาคตอย่างไร
ไม่ได้มองเป็นคู่แข่ง มองเป็นผู้ช่วยให้วงการกีฬาพัฒนาขึ้น ทำให้ตลาดกว้างขึ้น วงการกีฬาแข็งแกร่งขึ้น ทางบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาไปในเรื่องการแข่งขัน อาจะมีการจัดการแข่งขัน Swim Clinic Challenge เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของนักกีฬาให้มากขึ้น ตั้งเป้าไว้ว่าผู้ที่เรียนจากเราไปแล้วต้องว่ายน้ำอย่างถูกต้องถูกหลักประมาณ 90% ไม่อยากให้ต่ำกว่านี้เพราะทำไปแล้วรู้สึกไม่ได้ประโยชน์และเสียเวลา สำหรับเทคโนโลยีวีดีโอใต้น้ำ ช่วยในเรื่องการสอนทำให้เราสามารถเห็นทั้งด้านข้าง ด้านหน้า เห็นการดึงสโตรก ดูได้หลายมุม ทำให้สามารถนำมาวิเคราะห์แก้ไขได้ ในอนาคตอาจจะมีเลเซอร์หรืออุปกรณ์ช่วยอื่น ๆเป็นนาฬิกาที่ช่วยวัดความยาว-สั้นของสโตรกเชิงลึกเข้ามาช่วย ตรงนี้เราต้องคอยอัพเดทอุปกรณ์เหล่านี้ตลอดเวลา
-กำลังใจสำหรับผู้ฝันเป็นนักกีฬาทีมชาติ
การซ่้อมก็มีเหนื่อยมีท้อ เป็นเรื่องปกติ ถ้าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจสักวันหนึ่งจะผ่านจุดนั้นไปได้ รางวัลเป็นเพียงแค่โบนัส อย่าไปมองตรงนั้นมาก ถ้าเราตั้งใจเต็มที่มีความพยายามเต็มที่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์หรือเทคนิคที่โค้ชหรือผู้มีความรู้สอนให้ สักวันคุณจะไปสู่จุดมุ่งหมายเอง ธุรกิจกีฬายังเปิดกว้างสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะนักกีฬาที่มีประสบการณ์ เพราะตัวนักกีฬาจะรู้ว่าตนเองต้องการอะไร หรือขาดอะไร ช่องว่างธุรกิจมีอีกมาก อยากให้ทุกคนทำในสิ่งที่รักแล้วคุณจะทำได้ดี แต่ต้องมีความกล้าที่จะทำ อย่ากลัวที่จะบาดเจ็บ ถ้าเรามีความรู้จริง ก็จะผ่านพ้นจุดนั้นไปได้