ภูมิภาคตะวันออกกลาง ถือมีความน่าสนใจในแง่การลงทุน ด้วยกำลังซื้อของประชากรที่มีอยู่ในระดับสูง จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญของผู้ประกอบการ SME

โดยหนึ่งในประเทศเป้าหมาย คือ กาตาร์ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการ SME ที่เคยส่งออกผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง หลังตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกาตาร์กับชาติอาหรับเป็นปีที่ 2 จึงทำให้การส่งออกของไทยไปยังตลาดกาตาร์ผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากช่องทางนำเข้าสอนค้าถูกระงับ อีกทั้ง กาตาร์ไม่มีท่าเรือน้ำลึกพอที่จะรองรับเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งปกติจะใช้ท่าเรือ Jebel Ali ในรัฐดูไบ ขนส่งสินค้า

ดังนั้น การตัดความสัมพันธ์ทางการทูต จึงทำให้กาตาร์ถูกปล่อยทิ้งอย่างโดดเดี่ยว และต้องหันไปพึ่งประเทศพันธมิตรอย่างโอมานแทน

ผลกระทบต่อไทย

นายปณต บุณยะโหตระ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ กล่าวว่า ผลจากการที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ ทำให้กระทบถึงการส่งออกของไทยตามไปด้วย เพราะปกติไทยจะส่งออกสินค้าเข้ากาตาร์ผ่านทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้โอมานเป็นประตูการค้าผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดกาตาร์แทน เพราะโอมานแม้จะเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) แต่ก็มีจุดยืนทางการทูตที่อิสระจากอีก 5 ชาติ โดยเฉพาะท่าทีต่ออิหร่าน

อีกทั้ง กาตาร์มีแผ่นดินที่ติดกับซาอุดิอาระเบียเท่านั้น การนำเข้าหรือส่งออกสินค้า จะทำได้ทางอากาศและทางเรือ หากไทยวางแผนให้ดีก็สามารถใช้ประโยชน์จากโอมานเจาะเข้าสู่ตลาดกาตาร์ได้

เป็นที่น่าสังเกตว่าการส่งออกโดยรวมของโอมานในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค.2561 มีประมาณ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.8% โดยส่งออกไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มูลค่า 1,224.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.8% ส่งออกไปซาอุดิอาระเบีย 757.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่งออกไปกาตาร์ 570.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 400% เพราะกาตาร์ต้องการใช้สินค้าอีกมากมายสำหรับการก่อสร้างเตรียมจัดงาน World Cup 2022 ส่วนการนำเข้าของโอมานในช่วงเดียวกัน มีมูลค่า 1.51 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.7%

จากสถิติข้างต้นจะเห็นได้ว่าไทยสามารถใช้โอมานในการส่งออกต่อไปยังกาตาร์ได้ จากความต้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น

ที่มา: กรมการค้าระหว่างประเทศ