เป็นที่ทราบกันดีว่ามติครม. เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมาเห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนการออมระยะยาวรูปใหม่ โดยมีชื่อเรียกว่า Super Savings Fund (SSF) ซึ่งเป็นการเข้าทดแทนกองทุนเดิมอย่าง LTF รวมถึงมีการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ของกองทุน RMF อีกด้วย

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทั้งกองทุน SSF และ LTF เป็นกองทุนการออมที่มองผลลัพธ์ในระยาว เหมาะกับคนที่ต้องการมีเงินก้อนไว้สำหรับใช้-จ่าย เมื่อถึงวัยเกษียณ และไม่สามารถถอนเงินออกมาก่อนได้หากยังถือครองไม่ครบตามเงื่อนไขที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่นำมาใช้ลดหย่อนได้

ดังนั้น ในบทความนี้เรามาดูรายละเอียดของกองทุน SSF และ LTF กันว่าเงื่อนไขแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

กองทุน SSF

• ซื้อได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท อีกทั้งเมื่อรวมกับกองทุนอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
• ลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท
• ไม่มีการกำหนดเงินขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน
• ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
• ลดหย่อนภาษีสูงสุดร้อยละ 30 แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ของเงินพึงประเมิน
• ขายคืนได้เมื่อถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันซื้อ
• เงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
• ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี (2563 - 2567)

กองทุน RMF

• ลดหย่อนภาษีจากเดิมไม่เกินร้อยละ 15 เป็นไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
• ยกเลิกการกำหนดเงินขั้นต่ำในการซื้อกองทุน จากเดิมต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 หรือ 5,000 บาท ต่อปี
• ซื้อต่อเนื่องทุกปี และไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกัน
• เงื่อนไขอื่น ๆ ยังคงเดิม