อย่ากะพริบตา!! วาระเด่นเข้า ครม.วันนี้ ได้ลุ้นเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ชาวนาเตรียมเฮ “ประกันราคาข้าว” และส่งสัญญาณเปิดประเทศ รับทุน “ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” เข้าอีอีซี

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์นัดวันนี้ มีหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ ว่าบรรดาคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะถกและไฟเขียวเรื่องใดบ้าง เพราะในวันนี้จะมีวาระเข้าประชุม ครม.ที่พันเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของผู้คนในยามที่ต้องปรับตัวกับโควิด-19 รวมไปถึงประเด็นการส่งออกต่างๆ เพื่อสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจก็ถูกหยิบมาคุยด้วยเช่นกัน

ยังได้ลุ้นทิศทาง ‘เลิก’ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คุยวันนี้ แต่เคาะสิ้นเดือน

สำหรับวาระประเด็นการประชุมครม.ที่น่าสนใจ เริ่มจากเรื่องโควิด-19 ที่ยังคงต้องติดตามในเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะเอาอย่างไรกันต่อ หลังจากที่ประเทศไทยไม่เจอผู้ติดเชื้อในประเทศมาแล้วถึง 28 วัน (ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2563) แต่จะมีคนติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศเท่านั้น โดยเรื่องนี้จะถูกยกเข้ามาคุยในวงประชุมครม.แต่คาดว่าจะยังไม่มีการ “เคาะ” ออกมา เพราะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุเองว่า เรื่องเลิกหรือไม่เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะตัดสินกันในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้

‘พาณิชย์’ แทงเรื่องประกันราคาข้าวให้ชาวนา จ่ายก้อนเดียว 1 พันบาท/ไร่ สูงสุด 20 ไร่

นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ จะเสนอโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/2564 ให้ ครม.ได้พิจารณา โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือการยกระดับชีวิตชาวนาให้ดียิ่งขึ้น โดยพาณิชย์เสนอช่วยค่าบริการจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตชาวนา จากเดิมที่ช่วยต้นทุน 500/ตัน ไม่เกิน 20 ไร่ และช่วยค่าเก็บเกี่ยว 500 บาท/ตัน ไม่เกิน 20 ไร่ แต่การเกี่ยวเกี่ยวบ่อยครั้งเกิดปัญหาเนื่องจากปัญหาสภาพอากาศ

ดังนั้น พาณิชย์จึงขอปรับปรุงหลักเกณฑ์ช่วยเหลือใหม่ คือ ให้เงินทั้งสองงานของชาวนาเป็นก้อนเดียวกัน ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 20 ไร่ จะไม่แบ่งว่าเป็นเงินช่วยต้นทุน และเงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวอีกต่อไป ซึ่งเท่ากับว่าหาก ครม.อนุมัติจะทำให้ชาวนามีการประกันรายได้จากการปลูกข้าวที่ครัวเรือนละ 2 หมื่นบาท

นอกไปจากนี้ ในส่วนชาวนาภาคอีสานที่ส่วนใหญ่ปลูกข้าวหอมมะลิ มีการเสนอให้รัฐบาลประกันรายได้ให้โดยเฉพาะสำหรับข้าวหอมมะลิ โดยจะให้ชาวนาประกันตันละ 1.5 หมื่นบาท หากราคาข้าวหอมมะลิต่ำกว่านี้ ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันนี้เช่นกัน ขณะเดียวกันนอกไปจากวงครม. อีกวงประชุมที่คู่ขนานไปด้วยโดยเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์ข้าวไทย คณะอนุกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ข้าวไทย จะประชุมครั้งที่ 1/2563 เพื่อกำหนดแนวทางการทำตลาดข้าวไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้และวางกรอบแนวทางไว้ปีหน้าได้ต่อไป

‘คมนาคม’ เร่งสรุปแผนเยียวยาผู้ประกอบการขนส่ง วงเงิน 7.69 พันล้านบาทให้ ครม.พิจารณา

ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะต้องทำให้ฝนตกทั่วฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังมีบางส่วนตกขบวน และวันนี้จะมีมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ประกอบการขนส่งที่ส่งเรื่องเข้ามาโดยกระทรวงคมนาคมของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

ในวงประชุม ครม.กับวาระนี้ น่าจะได้เห็นแผนสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กรมเจ้าท่า (จท.) เป็นต้น ที่เสนอแผนกรอบวงเงินฟื้นฟูผู้ประกอบการขนส่ง ตามมาตรการที่เข้าข่ายลักษณะแผนงานโครงการตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งก็เป็นเวลาอันควรแล้วที่ ครม.น่าจะได้เห็นแผนนี้ เพื่ให้ได้เคาะช่วยเหลือให้ครอบคลุมกันต่อไป

จับตาความคืบหน้าเปิดประเทศ ‘Bubble Business’ ลุ้นไฟเขียวนักลงทุนญี่ปุ่น-เกาหลีใต้เข้าไทยหลังพ้นโควิด เจาะพื้นที่ EEC ที่แรก

อีกประเด็นที่ต้องจับตามองเช่นกัน กับเรื่อง Bubble Business ที่เป็นการอนุญาตให้กลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มนักลงทุนเข้าประเทศได้บ้างแล้ว โดยเลือกเอาพื้นที่ EEC เป็นการนำร่องโดยใช้รูปแบบการจับคู่กับประเทศคู่เจรจาที่มีมาตรการคัดกรอง ควบคุม และมีมาตรการเข้มงวดที่อยู่ในระดับเดียวกันกับการป้องกันโควิด-19 เพื่อให้ทั้งสองชาติที่ตกลงกันเดินทางไปหากันได้ในเชิงธุรกิจ

ประเด็นนี้น่าจะอยู่บนโต๊ะที่ประชุม ครม.ในวันนี้ด้วยเช่นกัน เพราะชั่วโมงนี้แม้ว่า Travel Bubble ยังไม่ถูกนำมาคุยใน ครม.วันนี้ แต่คาดว่า Bubble Business จะได้คุยก่อน และน่าจะเป็นเรื่องดีทีเดียวหาก ครม.อนุมัติ เพราะจะสะท้อนว่าระบบเศรษฐกิจการลงทุนของบ้านเราจะได้เดินหน้าไปแล้วในรอบหลายเดือน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของทางการแพทย์ โดยเฉพาะความปลอดภัยจากโรคที่สำคัญที่สุด ซึ่งต้องจับตาว่า ครม.จะเอากับเรื่องนี้อย่างไร