ธนาคารเปิดศึกหั่นดอกเบี้ย “รีไฟแนนซ์บ้าน” 3 ปีแรก ไม่เกิน 3% “ยูโอบี” จัดหนักดอกเบี้ย 2 ปีแรก 1.99% “เกียรตินาคิน-LH BANK-กรุงศรี”ชูปีแรกแค่ 0.50% ธอส.ลั่นพร้อมหั่นดอกเบี้ยสู้ศึก 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี

ท่ามกลางสถานการณ์พิษวิกฤตโควิด-19 ทำให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีการจัดโปรโมชั่น “รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน” ออกมาแย่งลูกค้าอย่างคึกคัก เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจเวลานี้ทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เช่น ธนาคารยูโอบี จัดโปรโมชั่น รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก เริ่มต้น 1.99% ต่อปี (ต้องทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA)) ยื่นตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.นี้ และจดจำนองภายใน 31 ต.ค. 2563 ผ่อนเฉลี่ยล้านละ 3,700 บาทต่อเดือน ระยะเวลากู้ 30 ปี เลือกผ่อนต่ำแบบขั้นบันได แล้วโปะในภายหลัง อนุมัติภายใน 3 วันทำการ

ขณะที่ ธนาคารเกียรตินาคิน จัดแคมเปญรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.74% ต่อปี กู้ได้สูงสุด 100% พร้อมฟรีค่าประเมินราคา แต่ต้องทำประกัน MRTA ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยาไม่น้อยหน้า ออกสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยปีแรก 0.50% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ยที่ MRR-1.70% หรือเฉลี่ย 3 ปี 3.07% ต่อปี สมัครช่วงนี้จะฟรีค่าประเมินหลักประกัน และฟรีค่าจดจำนอง

นายพจนารถ แสงพฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดรีไฟแนนซ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นตลาดที่ขยายตัวได้และไม่มีความเสี่ยง ทำให้ช่วงนี้จะเห็นหลาย ๆ สถาบันการเงินลงมาเล่นตลาดนี้มากขึ้น เพื่อดึงฐานลูกค้าจากคู่แข่ง เนื่องจากไม่สามารถขยายสินเชื่อในตลาดอื่นได้ หรือบางแบงก์ก็ต้องการสร้างพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย แม้ว่าจะได้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งที่เห็นทำแคมเปญกันอยู่ในตลาดมีตั้งแต่ 0.50-1.99% ต่อปี

อย่างไรก็ดี ในส่วนธนาคารกสิกรไทยไม่ได้เน้นแข่งขันดอกเบี้ยต่ำเพื่อชิงตลาด โดยธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยลอยตัวเฉลี่ย 3.3% ต่อปี ในช่วง 3 ปีแรก แต่ธนาคารจะทำแคมเปญแจกคูปองซื้อกาแฟ สั่งอาหาร หรือบัตรกำนัลแทน

ทั้งนี้ กสิกรไทยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรีไฟแนนซ์ที่อยู่อาศัยปีนี้ไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรก สามารถปล่อยสินเชื่อรีไฟแนนซ์ได้ราว 6,000 ล้านบาท คาดว่าช่วงที่เหลือน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีการแข่งขันมากขึ้น โดยพอร์ตรีไฟแนนซ์คิดเป็น 15% ของยอดสินเชื่อคงค้างสินเชื่อที่อยู่อาศัย 3.5 แสนล้านบาท

สำหรับทิศทางสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครึ่งปีหลัง นายพจนารถกล่าวว่า พอร์ตของกสิกรไทยยังเห็นเติบโตในกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 10-20 ล้านบาท และกลุ่มลูกค้าบุคคลราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีสัดส่วนเท่ากันที่ 50% โดยปีนี้กสิกรฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย 8 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกปล่อยไปแล้ว 4.5 หมื่นล้านบาท

ด้านนายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลาดรีไฟแนนซ์ของกรุงศรีฯไม่ได้เน้นเติบโตมากนัก โดยขณะนี้แบงก์กำลังทดลองทำตลาดผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง” เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยบ้านให้ลูกค้าได้สูงสุด 50%

“โปรดักต์นี้จะมีความยืดหยุ่น เงื่อนไขเพียงเอาเงินมาฝากทิ้งไว้ในบัญชี ระบบจะคำนวณเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ยเป็นรายวัน ซึ่งลูกค้าสามารถลดดอกเบี้ยสูงสุดได้ 50% เช่น กู้บ้านราคา 1 ล้านบาท มีเงินฝาก 5 แสนบาท สามารถลดดอกเบี้ยจาก 3% มาอยู่ที่ 1.5% โดยในช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ จะเริ่มทดลองทำตลาดทั่วประเทศ” นายณัฐพลกล่าว

นางสาวชมภูนุช ปฐมพร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) กล่าวว่า ธนาคารหันมารุกตลาดรีไฟแนนซ์ควบคู่กับการปล่อยสินเชื่อบ้านใหม่ตั้งแต่ต้นปี ช่วงแรกก็ชะลอไปบ้าง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ปัจจุบันตลาดกลับมาคึกคัก สินเชื่อบ้านเติบโตดีขึ้นทั้งระบบ โดยเฉพาะบ้านแนวราบ เพราะยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปรับราคาลง ทำให้ตลาดขยายตัวดีขึ้น

ตอนนี้ LH Bank มีแคมเปญ “สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์” เริ่มต้นอัตราดอกเบี้ย 0.59% ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรก หรือผ่อนขั้นต่ำล้านละ 3,500 บาท ผ่อนนาน 35 ปี โดยโปรโมชั่นถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ มองว่าตลาดนี้ยังมีศักยภาพ ซึ่งมีลูกค้าจำนวนมากต้องการลดภาระดอกเบี้ย นอกจากนี้ธนาคารยังเน้นเรื่องการลดขั้นตอนด้านสินเชื่อให้เร็วขึ้น ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์ปีนี้รวม 5,000 ล้านบาท

“ตลาดรีไฟแนนซ์ได้รับความสนใจของตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดรีไฟแนนซ์เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงค่อนข้างน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลตอบแทนก็น้อยเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่จะเน้นแข่งขันกันลดดอกเบี้ยเพื่อดึงลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็ต้องการรีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระดอกเบี้ย” นางสาวชมภูนุชกล่าว

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.กำลังศึกษาตลาดที่แบงก์ต่าง ๆ แข่งทำโปรโมชันรีไฟแนนซ์บ้าน โดยหากพบว่ามีการกดดอกเบี้ยลงรุนแรง ธนาคารก็จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านสุขสันต์ลงมาแข่งด้วย จากปัจจุบัน 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านในตลาด

โดยปัจจุบันมีลูกค้าสินเชื่อบ้าน ธอส.ที่ย้ายไปใช้บริการรีไฟแนนซ์บ้านกับแบงก์อื่นราว 1,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่ก็มีลูกค้าแบงก์อื่นที่เข้ามาขอรีไฟแนนซ์บ้านกับ ธอส. 1,000 ล้านบาทต่อเดือนเช่นกัน

“ลูกค้าที่ต้องการจะรีไฟแนนซ์บ้านจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ ระหว่างการอยู่ที่เดิมหรือรีไฟแนนซ์ไปแบงก์อื่น ส่วนไหนได้ประโยชน์ในระยะยาว ทั้งนี้ เป็นสิทธิของลูกค้าที่จะตัดสินใจ ซึ่งการแข่งกันจัดโปรโมชั่นก็เป็นการหารายได้ให้กับแบงก์ในช่องทางที่ง่าย โดยไม่ต้องหาลูกค้า เพียงแค่ดึงลูกค้าดีจากแบงก์อื่นมาอยู่ที่แบงก์ของตัวเอง” นายฉัตรชัยกล่าว