วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 9, 2567

หุ้น DJSI ยั่งยืนจริงหรือ?

by Smart SME, 30 พฤศจิกายน 2563

ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ถูกริเริ่มจัดทำขึ้นในปี 2542 สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนที่สะท้อนผลตอบแทนของหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนทั่วโลก

ในปี 2563 มีบริษัทที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประเมินทั้งสิ้น 3,538 แห่ง มีบริษัทที่ตอบแบบสอบถามรวม 1,386 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 39 และมีบริษัทไทยที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประเมินในปีนี้ จำนวน 36 แห่ง

ผลการประเมินเพื่อคัดเลือกบริษัทที่โดดเด่นด้านความยั่งยืนให้เข้าอยู่ในดัชนี DJSI ประจำปี 2563 พบว่า มี 21 บริษัทจดทะเบียนไทย (ไม่รวมบริษัทนอกตลาดฯ) ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในดัชนี DJSI ได้แก่ ADVANC, AOT, BANPU, BTS, CPALL, CPF, CPN, EGCO, HMPRO, IRPC, IVL, KBANK, MINT, PTT, PTTEP, PTTGC, SCB, SCC, TOP, TRUE และ TU

หากย้อนกลับไปดูสถิติในอดีต พบว่า มีบริษัทไทยได้รับเชิญให้เข้าร่วมรับการประเมินครั้งแรกเมื่อปี 2547 โดยที่ยังไม่มีบริษัทใดได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในดัชนี DJSI จนกระทั่งในปี 2551 จึงเริ่มมีบริษัทไทยได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในดัชนี และมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยลำดับ
ในมุมของบริษัทที่ลงทุน (Investees) ถือเป็นพัฒนาการในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา นับจากปี 2551 ที่มีบริษัทจดทะเบียนได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในดัชนี DJSI จาก 1 บริษัท เพิ่มขึ้นมาเป็น 21 บริษัท ในปี 2563

สถิติที่สำคัญ

ปี 63 ได้รับเชิญ 36 บริษัท, ได้รับคัดเลือก 21 บริษัท (เพิ่ม EGCO)
ปี 62 ได้รับเชิญ 36 บริษัท, ได้รับคัดเลือก 20 บริษัท (ADVANC เข้า)
ปี 61 ได้รับเชิญ 32 บริษัท, ได้รับคัดเลือก 19 บริษัท (เพิ่ม BTS SCB)
ปี 60 ได้รับเชิญ 37 บริษัท, ได้รับคัดเลือก 17 บริษัท (เพิ่ม CPALL IVL HMPRO TRUE) (ADVANC ออก)
ปี 59 ได้รับเชิญ 33 บริษัท, ได้รับคัดเลือก 14 บริษัท (เพิ่ม KBANK)
ปี 58 ได้รับเชิญ 34 บริษัท, ได้รับคัดเลือก 13 บริษัท (เพิ่ม ADVANC AOT CPF)
ปี 57 ได้รับเชิญ 30 บริษัท ได้รับคัดเลือก 10 บริษัท (เพิ่ม BANPU CPN IRPC MINT PTTEP TU)
ปี 56 ได้รับเชิญ 34 บริษัท ได้รับคัดเลือก 4 บริษัท (เพิ่ม PTTGC TOP)
ปี 55 ได้รับเชิญ 22 บริษัท ได้รับคัดเลือก 2 บริษัท (เพิ่ม PTT)
ปี 51-54 มีบริษัทเดียวที่ได้รับคัดเลือก (คือ SCC)
ปี 47 บริษัทไทย ได้รับเชิญครั้งแรก
ปี 42 เริ่มมีดัชนี DJSI

ในมุมของผู้ลงทุน (Investors) การลงทุนในหุ้นที่ถือว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนตามการประเมินดังกล่าว ยังไม่อาจตอบโจทย์การลงทุนที่ยั่งยืน เพราะเมื่อพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงปัจจุบัน (YTD) ของหุ้น DJSI ทั้ง 21 ตัว (Equal-weighted) พบว่า มีอัตราผลตอบแทนติดลบอยู่ที่ -20.71% ขณะที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ลดลง -14.56% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ขณะที่ในช่วงเดือนกันยายน 2563 ผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ESG มีตัวเลขที่ชนะดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 2.5% สอดคล้องกับตัวเลขผลประกอบการของกองทุน ESG ที่มีความผันผวนน้อยกว่ากองทุนทั่วไป ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา
เมื่อเทียบกับดัชนี Thaipat ESG Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบขึ้นจากหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้าน ESG ที่ทำการประเมินโดย

สถาบันไทยพัฒน์ พบว่า มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ลดลงในระดับที่ต่ำกว่า คือ -11.28% (ข้อมูล ณ 17 พ.ย. 63) หรือคิดเป็นส่วนต่างของผลตอบแทน 9.43% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนหุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี DJSI

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ใช้ในการประเมินทั้งในส่วนของหุ้นไทยในดัชนี DJSI และหลักทรัพย์ในดัชนี Thaipat ESG ใช้ข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทในรอบปี 2562

ด้วยเหตุที่การประเมินซึ่งมุ่งไปที่การพิจารณาประเด็นด้าน ESG ของบริษัทที่มีความโดดเด่นในมิติเดียว ทำให้เกิดข้อจำกัดที่ผู้ลงทุนอาจต้องแลก (Trade-off) ระหว่างการลงทุนในบริษัทที่มี ESG ดี แต่ผลประกอบการไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ไม่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนในมิติของการลงทุนที่ยั่งยืนว่า การลงทุนในบริษัทที่มี ESG ดี จะช่วยลดความผันผวนด้านราคาของหลักทรัพย์ และช่วยสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งให้แก่ผู้ลงทุนในระยะยาว

ผู้ลงทุน พึงวิเคราะห์ข้อมูล ESG ควบคู่กับข้อมูลทางการเงินในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้สะท้อนผลตอบแทนที่สัมพันธ์เชื่อมโยงกับผลประกอบการจากการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท โดยสามารถตอบโจทย์การลงทุนที่ยั่งยืน ในทางที่สร้างคุณค่าที่ตอบสนองต่อผู้ลงทุนและสังคมโดยรวมไปพร้อมกัน

Tag :

Mostview

ผลกระทบขึ้นค่าแรง 400 บาท อาจทำให้สินค้าขยับราคาขึ้น 15%

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นภาคเอกชน ทั้งในภาคส่วนการผลิต การค้า และบริการ การปรับอัตราค่าแรงในแต่ละครั้งมักจะมีผลกระทบต่อทั้ง GDP เงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน รวมถึงอัตราการว่างงานทั้งบวกและลบ

KFC มาเลเซียปิดกว่า 100 สาขา เพราะถูกชาวมุสลิมคว่ำบาตรธุรกิจสัญชาติสหรัฐฯ

KFC แฟรนไชส์สัญชาติอเมริกันกำลังตกเป็นเป้าหมายการรณรงค์คว่ำบาตรธุรกิจของประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอลที่ทำสงครามกับชาวปาเลสไตน์จนมีประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

นี่คือเหตุผล เพราะอะไรการทำงานหนักไม่การันตีว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป

ทุกคนมักคิด และถูกปลูกฝังมาตลอดว่าให้ทำงานหนักเข้าไว้ แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่นี่อันเป็นความเชื่อที่ผิดก็ได้ หากเราตั้งข้อสงสัยว่า “ความหมายการทำงานหนักที่แท้จริงคืออะไร?” ทำไมผู้คนต่างทำตาม และดิ้นรนให้เกิดขึ้นจริง

เศรษฐกิจไม่ดี! KFC-Pizza Hut ในจีน ดึงกลยุทธ์สุดฤทธิ์เรียกลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด

Yum China Holdings เจ้าของ KFC และ Pizza Hut เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในจีน วางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่ที่ยังไม่เคยเปิด โดยใช้กลยุทธ์ขายเมนูในราคาต่ำเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในจำนวนมาก

SmartSME Line