วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2567

สำรวจตลาด Cryptocurrency หลังเกิดความผันผวนต่อเนื่อง ไปกับคุณปรมินทร์ อินโสม เจ้าของ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น

by Smart SME, 24 กรกฎาคม 2564

ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน มีผลกระทบ ต่อผู้คนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร การคมนาคม ตลอดจนด้านการเงิน การลงทุน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “บิทคอยน์” “คริปโทเคอร์เรนซี” “โทเคน” “เหรียญดิจิทัล” เป็นศัพท์ที่ได้ยินหนาหู แทบจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปแล้ว

.

.
ตั้งแต่ปี 2009 ที่เริ่มมี Cryptocurrency กระแสเงินดิจิทัลก็เริ่มเขย่าโลกการลงทุนมาโดยตลอด กระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มูลค่าตลาดคริปโทได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ถูกบันทึกไว้ และแม้ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาด Cryptocurrency เกิดภาวะความผันผวนให้เห็นอยู่เป็นระยะ จนหลายคนกังวล ว่าอาจจะกำลังเผชิญกับภาวะฟองสบู่ ทั้งจากคนก็ดี ภาวะถดถอยตลาดก็ดี กลไกปกติของตลาดก็ดี ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาเริ่มตกลงอย่างต่อเนื่อง แต่กระแสความสนใจในการลงทุน Cryptocurrency ก็ยังคงอยู่ เพราะหลายคนมองว่าสกุลเงินดิจิทัล กำลังปรับฐานเพื่อเข้าสู่มูลค่าที่แท้จริงนั่นเอง
.
และในเมื่อ “สินทรัพย์ดิจิทัล” แทบจะเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเราเข้ามาทุกขณะ จึงจำเป็นต้องรู้จักและมีความรู้เท่าทัน โดยวันนี้ เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ถึง อนาคตของสกุลเงินดิจิทัล ว่าจะมีทิศทางอย่างไร พร้อมคำแนะนำจากผู้รู้ท่านนี้ คุณปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ที่เคยทำวิจัยเรื่อง “การทำธุรกรรมบนเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างไรให้ตรวจสอบไม่ได้” โดยเล็งเห็นความสำคัญของความเป็นส่วนตัว (Privacy) และความปลอดภัย (Security) บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ขณะเรียนปริญญาโท ด้านระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล (Cyber Security) จากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ก่อนจะร่วมมือกับพันธมิตร ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นมา

.


.
ผู้เล่นในตลาดที่ผ่านมา มีลักษณะเป็นเช่นไร ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน

หากมองตลาด Cryptocurrency ที่กำลังผันผวนอยู่ในปัจจุบัน มุมมองส่วนตัวผมเห็นว่า ได้ผ่านช่วงที่ทำราคาสูงสุดไปแล้ว จากที่มีนักลงทุนในกลุ่มเก็งกำไรเข้ามาในตลาดนี้ค่อนข้างมากในช่วงปีที่แล้ว ต่อเนื่องถึงต้นปีนี้ ส่งผลให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนในส่วนที่เก็งกำไรได้รับบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมาก และมีความเชื่อว่าในระยะสั้นคนที่ขาดทุนจำนวนมากเหล่านี้จะออกจากตลาดไปเอง
.
สำหรับในส่วนของตลาดระยะกลาง คนบางส่วนที่ขาดทุนแต่ยังสนใจการลงทุนในลักษณะนี้ ก็จะหันมาศึกษาหาข้อมูลมากขึ้น ทำให้เกิดการขยายตัวของนักลงทุนที่รู้จักคริปโทฯมากขึ้น เปรียบเทียบจากเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งตรงนี้จะทำให้คนที่มีความรู้พื้นฐานของคริปโทฯเข้ามาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้แข็งแรงมากขึ้น คนเหล่านี้ก็จะไม่ดูราคาเป็นหลักแล้ว แต่เลือกที่จะพัฒนาให้อุตสาหกรรมคริปโทฯก้าวหน้าต่อไป และเราจะมีสตาร์ทอัพ ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
.
ส่วนในระยะยาว คนเหล่านี้จะเป็นคนบอกต่อ และพัฒนาองค์ความรู้ ซึ่งไม่ใช่การเทรดเพื่อเก็งกำไรแล้ว แต่จะเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องตลาดคริปโทฯให้กับรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาด มีความรู้มากขึ้น เป็นการสร้างคุณภาพให้กับตลาดคริปโทฯต่อไป
.
จากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง จะสามารถไหลลงต่ำได้มากกว่านี้หรือไม่

หากมองในมุมของตลาดคริปโตฯ ว่ายังมีโอกาสตกต่อได้อีกหรือไม่นั้น คุณปรมินทร์ ได้ให้ความเห็นว่า ในขณะนี้ถ้ายังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ส่งผลแรงถึงขนาดส่งผลกระทบกับตลาดคริปโทฯ ให้ราคาพุ่งขึ้นไป ก็คิดว่าแนวโน้มน่าจะยังไม่ใช่จุดต่ำสุด อาจลงต่อได้อีก ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะนิ่งได้เมื่อไหร่
.
ยกตัวอย่างเช่น ตัวที่ส่งผลให้บิทคอยน์ทะยานขึ้นไปอย่างมากเมื่อต้นปีที่พุ่งจาก 1 ล้านดอลลาร์ เป็น 2 ล้านดอลลาร์ เพราะบริษัท Tesla ประกาศว่าสามารถซื้อขาย รถยนตร์ไฟฟ้าได้ด้วยเงินบิทคอยน์ ส่งผลให้คนมีความเชื่อถือบิทคอยน์มากขึ้น และการตกลงในภายหลังมีประกาศยกเลิกการซื้อขายด้วยเงินสกุลนี้ ก็ยังเห็นว่าการตกของราคาบิทคอยน์ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอีลอน มัสก์ มากนัก เพราะข่าวออกมาสักพักแล้ว ประกอบกับการออกมาพูดให้ข่าวบ่อย ๆ ก็เริ่มไม่เป็นที่สนใจของผู้คนแล้ว
.
แต่เห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้บิทคอยน์ตกน่าจะมีผลมาจากจีนมากกว่า เพราะบิทคอยน์ ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่นักลงทุนจีนโยกสินทรัพย์ทางการเงินออกจากจีน ดังนั้นเมื่อรัฐบาลมี capital control ไม่ให้นักลงทุนจีนนำทุนออกนอกประเทศจากช่องทางนี้มากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมได้ จึงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้บิทคอยน์ร่วงอย่างที่ได้ทราบกัน

.

ส่วนปัจจัยที่ทำให้คริปโตฯสามารถฟื้นคืนได้อย่างมีเสถียรภาพ มองว่าปัจจุบันในระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยที่จะทำให้คริปโทมีเสถียรภาพ เพราะตัวคริปโทฯเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงสูง ฉะนั้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เราไม่สามารถมองเห็นมูลค่าที่คงที่ แต่กว่าที่คริปโทฯจะนิ่งได้ต้องได้รับการยอมรับในวงกว้าง มีคนเข้าถึงได้หลากหลาย โดยเฉพาะคนทั่วไป ที่ไม่ได้มองว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการเสี่ยงหรือเก็งกำไรแล้วเท่านั้น จะทำให้ราคาของคริปโทฯนิ่ง ซึ่งเชื่อว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5-10 ปี

.

.
อนาคตสกุลเงินดิจิทัลจะเข้ามาทดแทนเงินตราในปัจจุบัน

พร้อมให้ทัศนะถึงทิศทางอนาคต ของสกุลเงินดิจิทัล ว่าในอนาคตเงินดิจิทัลคงยังไม่สามารถเข้ามาทดแทนเงินตราในปัจจุบันได้ทั้งหมด หากแต่จะเดินคู่ขนานกันไป เพราะสกุลเงินทั่วไป เช่นเงินบาทหรือเงินดอลลาร์จะต้องมาใช้เทคโนโลยีของเงินดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนบนเทคโนโลยีดิจิทัล ส่วนเงินดิจิทัลก็จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น
.
ส่วนสกุลเงินที่นำเอาเทคโนโลยีคริปโทเคอเรนซี่มาใช้กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้เป็นปกติแล้ว คือสกุลเงินหยวนของจีน โดยระบบที่ใช้จัดการเบื้องหลังเป็นระบบเดียวกับที่ใช้เทคโนโลยีของคริปโทเคอเรนซี่ ปัจจุบันทั่วโลกใช้เทคโนโลยีนี้ค่อนข้างมาก แต่ยังอยู่ในขั้นของการศึกษาที่นำเอาเทคโนโลยีของคริปโทฯไปใช้เป็นเบื้องหลังของสกุลเงินต่าง ๆ
.
แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีการนำเงินบาท มาผูกเข้ากับเทคโนโลยีของคริปโทฯ ที่เรียกกันว่า "ไทยบาทดิจิทัล" เชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีหลายประเทศที่จะนำเทคโนโลยีนี้ มาเชื่อมเป็นระบบเบื้องหลังสกุลเงินหลักของประเทศมากขึ้น
.
ทิศทางอนาคตของ ตลาด Cryptocurrency จะมีหน้าตาอย่างไร

“ถ้าเรามองแนวโน้มในอนาคตตลาดเงินดิจิทัลอีก 4 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่ายังคงมีโอกาสขึ้นอยู่ เพราะหากเราดูตัวเลขของวันนี้ย้อนกลับไป 4 ปีที่แล้ว ราคายังสูงกว่า ตัวนี้เป็นสถิติที่ผ่านมา 3 รอบแล้ว เหตุผลเพราะว่าคริปโทฯ จะมีการผลิตลดลงทุก 4 ปี นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาโดยเฉพาะบิทคอยน์จะขึ้นไป แต่ไม่ได้ขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผล เช่น นโยบายทางการเมือง หรือ capital control ของแต่ละประเทศด้วย โดยเฉพาะจีน เป็นประเทศที่ใช้บิทคอยน์นำเงินออกนอกประเทศมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก”
.
“นอกจากนี้ปัจจุบันกฎหมายจีนกำหนดให้นักลงทุนจีนห้ามขุด แต่ไม่ได้ห้ามผลิต เครื่องผลิตบิทคอยน์ส่วนใหญ่อยู่ที่จีนอยู่แล้ว ทางการบอกไม่ให้ขุด แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ประเทศจีนจะผลิตออกมาไม่ได้ เพียงแต่เปลี่ยนที่ผลิต จากเดิมผลิตที่จีนก็ผลิตที่อเมริกา หรือแคนาดา เพราะประเทศเหล่านั้นไม่มีปัญหาเรื่องเหมืองขุด ปัจจุบันลูกค้าจีนก็ไปใช้เหมืองขุดที่อเมริกาและแคนาดาเป็นจำนวนมาก คนที่ไปตั้งก็เป็นคนจีน ในมุมมองผมแล้วนักลงทุนยังเหมือนเดิม เพียงแต่แค่เปลี่ยน GO location สถานที่ มาอยู่ในประเทศที่อยู่ในเขตที่อนุญาตให้ผลิตบิทคอยน์ เท่านั้นเอง”

.


.
แนวทางสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ พร้อมวิธีรับมือกับตลาดที่ผันผวน

“สิ่งสำคัญมากที่อยากจะฝากนักลงทุน นักเก็งกำไรมือใหม่คือ การเทรดคริปโทฯมีการวิ่งขึ้นลงเร็วกว่าหุ้น การทำ Money Management มีความแตกต่างจากการซื้อขายหุ้น ดังนั้นต้องศึกษาหาความรู้และข้อมูลให้ดีก่อนที่จะลงมือเทรด ปัจจุบันนี้การเทรดมีเครื่องมือมากขึ้น มีการเทรดระยะสั้นได้ด้วย โดยคาดว่าราคาจะลงไปอีก นักลงทุนก็อาจซื้อในขาลงเพื่อมาเก็บเก็งกำไรต่อไปก็อาจทำได้ แต่คนที่ต้องการจะไปต่อ ต้องศึกษาว่าคริปโทฯคืออะไร มีการทำงานอย่างไร ทำอย่างไรให้ใช้งานคริปโทฯได้มากขึ้น เขาจะเลื่อนมาเป็นผู้ช่วยพัฒนาให้วงการนี้ขยายต่อไปได้ในอนาคต”
.
“สิ่งที่ควรระวัง เมื่อตลาดเป็นที่ดึงดูดนักลงทุนอย่างปัจจุบันนี้ ก็คือพวกนักต้มตุ๋น หรือเหล่า Scamer เป็นพวกหลอกลวง ไม่ได้เป็นคนเทรดแต่หลอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเทรด พวกนี้จะหลอกคนที่ไม่รู้ ไม่มีความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี ใช้ช่องโหว่ตรงนี้มาหลอกนักลงทุน ซึ่งจะต้องระวังอย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะใช้การล่อล่วงแบบให้ผลตอบแทนสูง กระตุ้นความโลภของเหยื่อ” คุณปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้แนะแนวทางพร้อมทิ้งท้ายถึงนักลงทุนหน้าใหม่ ที่สนใจในตลาด Cryptocurrency
.
บทสรุปมุมมองตลาดสกุลเงินดิจิทัล

หากเรามองในมุมของกลไกสินทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อาจจะต้องเจอเปรียบเสมือนวงจรชีวิต ที่เมื่อสินทรัพย์ชนิดใดก็ตาม ที่มีการไล่ซื้อในปริมาณมาก เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องเจอกับภาวะการปรับฐาน ซึ่งนั่นก็เป็นกลไกเข้ามาช่วยลดความร้อนแรงของราคาในแต่ละช่วงเวลา ที่นับว่าเป็นเรื่องปกติในตลาดการลงทุน
.
ซึ่งคนหลายกลุ่มคนอาจมีมุมมองต่อ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ที่แตกต่างกัน แม้ว่าบางกลุ่มอาจมองว่า “บิทคอยน์” ผลิตขึ้นจากอากาศ ไม่มีมูลค่า ท้ายที่สุดมูลค่าก็จะกลับไปที่จุดตั้งต้น แต่ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากสกุลเงินที่ใช้จริงในปัจจุบัน ซึ่งอาจถูกด้อยค่าลงในอนาคต
.
ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใด การลงทุนบนโลกตลาด Cryptocurrency ควรมีสายตาที่ฉับไวและคมพอที่แยกดีมานด์แท้หรือดีมานด์เทียม ควรสังเกตว่าเม็ดเงินที่เข้าไปซื้อสินทรัพย์นั้นเป็นลักษณะการลงทุนระยะยาวหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่การเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น รวมไปถึงการมองคุณสมบัติของเหรียญ Cryptocurrency สกุลนั้นๆ ว่ามีความสามารถสร้างตัวชี้วัดต่อระบบเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ ถ้าหากมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจก็น่าจะมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า ในทุกวันมีทั้งคนที่รอดและร่วง จากตลาดการลงทุนทุกประเภท ดังนั้นเราควรมีความรู้และเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อพร้อมจะพุ่งเข้าหาความเสี่ยง ที่เราได้ตัดสินใจเลือกลงทุนกับมัน
.

 


Mostview

ผลกระทบขึ้นค่าแรง 400 บาท อาจทำให้สินค้าขยับราคาขึ้น 15%

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นภาคเอกชน ทั้งในภาคส่วนการผลิต การค้า และบริการ การปรับอัตราค่าแรงในแต่ละครั้งมักจะมีผลกระทบต่อทั้ง GDP เงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน รวมถึงอัตราการว่างงานทั้งบวกและลบ

KFC มาเลเซียปิดกว่า 100 สาขา เพราะถูกชาวมุสลิมคว่ำบาตรธุรกิจสัญชาติสหรัฐฯ

KFC แฟรนไชส์สัญชาติอเมริกันกำลังตกเป็นเป้าหมายการรณรงค์คว่ำบาตรธุรกิจของประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอลที่ทำสงครามกับชาวปาเลสไตน์จนมีประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

Wang Ning เจ้าของ Pop Mart ผู้กลายมาเป็นเศรษฐีจากการขายตุ๊กตา Molly ราคา 300 กว่าบาท ทั่วจีน

Pop Mart ร้านขายของเล่น Art Toys ชื่อดัง ที่ชั่วโมงนี้ไม่มีนักสะสมคนไหนไม่รู้จัก พร้อมที่จะมุ่งไปทันทีหากมีการเปิดขายคอลเล็กชันตัวละครใหม่ จนต้องมีการลงทะเบียนเพื่อรับคิวในการเข้าซื้อกันเลยทีเดียว

เพราะอะไร? คนเชื่อมั่นในตัวเองถึงมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากว่าคนอื่น

“ความสำเร็จ” เป็นเส้นทางมุ่งหวังที่ใครหลายคนอยากจะทำให้ได้สักครั้งกับเรื่องราวที่ตั้งเป้าหมายไว้ในชีวิต เพราะมันคือความคุ้มค่ากับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความพยายาม

SmartSME Line