“ปูผัดผงกะหรี่” จาก ”สมบูรณ์โภชนา” นับเป็นตำนานแห่งความอร่อยที่ตรึงใจทั้งคนไทยและต่างชาติมากว่าครึ่งศตวรรษ และเติบโตไม่หยุดนิ่ง และยังคงต่อยอดหากิจการใหม่เข้าหนุน พร้อมส่งต่อรุ่น 3

จุดเริ่มต้นของ “สมบูรณ์โภชนา”

"สมบูรณ์โภชนา" มีตำนานมากว่า 52 ปี เริ่มตั้งแต่สมัยคุณปู่ของคุณสมบูรณ์ ศรีเจริญสุขยิ่ง (คุณนก) ทำอาชีพขายน้ำแข็งบด ส่วนคุณย่าขายข้าวต้มเป็ด และตกทอดมาถึงรุ่นของคุณพ่อดำเนินการ ต่อมาคุณพ่อมีลูกหลายคน จึงต้องการขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ ดังนั้นในปี 2512 จึงได้ขยายร้านขายข้าวต้มเป็ด เป็นร้านขายข้าวต้มที่มีอาหารหลากหลายมากขึ้น และมีขนมน้ำแข็งใสเป็นของหวาน พร้อมกับตั้งชื่อร้านว่า "สมบูรณ์โภชนา" อันเป็นชื่อของคุณสมบูรณ์ที่เกิดในปีนั้น และเป็นลูกชายคนโตของตระกูล ร้าน "สมบูรณ์โภชนา" ตั้งอยู่ที่สามย่าน เป็นร้านขายอาหารแบบห้องแถว

ในระยะแรกเป็นเพียงร้านขายอาหารคูหาเดียว แต่ด้วยรสชาติของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่คุณแม่ของคุณสมบูรณ์เป็นคนควบคุมรสชาติและเมนู ทำให้เริ่มมีคนติดใจและเป็นลูกค้าประจำ โดยเฉพาะนิสิตคณะบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ปกครอง อาจารย์ผู้บริหาร คนทำงาน ต่อมาชื่อเสียงก็เริ่มขยายสู่วงกว้างมากขึ้น คนจีนในละแวกนั้นตลอดจนในย่านเยาวราชก็เข้ามาชิมอาหาร เพราะในยุคนั้นสามย่านจะมีร้านอาหารเปิดอยู่มากมาย เวลาลูกค้ามาก็สามารถเลือกกินได้หลายร้าน

ต้นตำรับตำนาน “ปูผัดผงกะหรี่”

ชื่อเสียงที่ทำให้ "สมบูรณ์โภชนา"ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากเหล่าคนไทยเชื้อสายจีนในย่านใจกลางเมืองคือ "ปูผัดผงกะหรี่" ซึ่งก่อนหน้านี้เมนูในลักษณะนี้จะนำปูม้ามาผัด แต่สำหรับ "สมบูรณ์โภชนา" ได้เลือกปูทะเล และเครื่องผงกะหรี่ที่แม่ของคุณสมบูรณ์คิดขึ้นมาแตกต่างจากร้านทั่วไป รสชาติของ"ปูผัดผงกะหรี่" นอกจากเนื้อปูทะเลที่สด หวานและแน่นกว่าปูม้าผัดกับซอสผงกะหรี่สูตรเข้มข้น รสชาติกลมกล่อม ถูกปากคนไทยและต่างชาติ จนสื่อระดับโลกอย่าง CNN ยกย่องให้เป็นเมนูปูผัดผงกะหรี่อร่อยสุดยอดในเอเชียและเป็นตำนานคู่กับภัตตาคาร "สมบูรณ์โภชนา"ตลอดมา

นอกจากนี้ยังมีเมนูขึ้นชื่ออย่าง กุ้งอบวุ้นเส้น ที่ได้รางวัลระดับ มิชลิน ไกด์ และ ต้มยำกุ้งแม่น้ำ ที่ได้รางวัลชนะเลิศอาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย “สมบูรณ์โภชนา” จึงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักชิมและนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย และยังเป็นร้านที่ใช้ต้อนรับอาคันตุกะ แขกบ้าน แขกเมือง และคนดังจากทั่วโลกมานับไม่ถ้วน

ส่วนเมนูอื่นๆ ที่ขายดี และลูกค้าเข้ามาต้องสั่งเป็นประจำ เช่น ปลากะพงราดน้ำปลา ผัดผักกระเฉดไฟแดง เป็นต้น ปัจจุบันนี้อาหารที่ขายในร้าน "สมบูรณ์โภชนา" มีกว่า 100 รายการ

.

.

.

.

เริ่มสยายปีก สู่เส้นทางที่มีเป้าหมายใหญ่ขึ้น

ด้วยจุดเด่นที่เมนูอาหารที่เอร็ดอร่อย เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ "สมบูรณ์โภชนา" จากร้านอาหารที่มีเพียงคูหาเดียวก็ขยายมาเป็น 2 ,4 ,8 และ 10 คูหาติดกันที่สามย่าน จุดเปลี่ยนแรกที่สำคัญนำมาสู่การขยายสาขาคือ เมื่อปี 2534 ทางสำนักทรัพย์สินจุฬาฯต้องการพื้นที่ตรงสามย่านคืนกลับมา ทางร้านจำเป็นต้องหาที่ขายใหม่ จึงได้ไปเปิดที่หัวมุมสุรวงศ์ ส่วนสาขาที่บรรทัดทอง เกิดจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้พื้นที่แถวบรรทัดทองให้เปิดร้านใหม่ ต่อมาพี่สาวของคุณสมบูรณ์ เห็นทำเลดีที่ถนนรัชดาภิเษกจึงเปิดเพิ่มอีกสาขาที่นี่ และตามมาด้วยสาขาอุดมสุขเป็นสาขาที่ 4 ตามลำดับ

การขยายสาขาแรก ๆ ที่สุรวงศ์และบรรทัดทองหลังจากต้องปิดร้านที่สามย่านไปแล้วนั้น ไม่กระทบกับยอดขาย เพราะแบรนด์ของ "สมบูรณ์โภชนา" เริ่มแข็งแรงแล้ว นอกจากนี้การไปเปิดสาขาที่สุรวงศ์ก็ยิ่งส่งเสริมให้ภัตตาคารได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ คือกลุ่มนักท่องเที่ยว และคนทำงานชาวต่างชาติในย่านสีลม ธนิยะ ซึ่งมีชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมากติดใจอาหารในรสชาติของ "สมบูรณ์โภชนา"

เปิดประตูก้าวเข้าสู่ตลาดศูนย์การค้า

จุดเปลี่ยนต่อมาคือการนำพา "สมบูรณ์โภชนา"ขึ้นสู่ศูนย์การค้า ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ขาย Stand Alone มาโดยตลอด ศูนย์การค้าแรกคือที่จามจุรีสแควร์ ส่วนเหตุผลของการขึ้นห้างด้วยเห็นว่าจามจุรีสแควร์เป็นพื้นที่ขายเก่า พื้นที่ในตำนานความสำเร็จของ "สมบูรณ์โภชนา" และหลังจากนั้น เมื่อมีความมั่นใจในการขึ้นห้างแล้ว โดยได้ขยายเข้าห้างสยามสแคว์ร์วัน เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยขณะนี้ขายในลักษณะที่เป็นซีฟู้ดมีทั้งหมด 8 สาขา และเป็น "สมบูรณ์ไชนีส" อีก 1 สาขาที่ถนนบรรทัดทอง

เผชิญวิกฤตโควิด-19 ปรับตัว สู่การแตกไลน์เดลิเวอร์รี่

เมื่อโควิด-19 ระบาดหนัก รัฐบาลสั่งล็อกดาวน์ทั้งประเทศ "สมบูรณ์โภชนา" ซึ่งขายออฟไลน์มาโดยตลอดได้รับผลกระทบหนัก คุณสมบูรณ์บอกว่า "เมืองไทยอาหารสมบูรณ์ ภัตตาคารร้านอาหารขนาดใหญ่นิยมที่จะทำอาหารให้ลูกค้ามารับประทานที่ร้าน พอล็อกดาวน์ลูกค้าคนไทยหาย รวมทั้งลูกค้าชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวด้วย ตัวเองเข่าอ่อนเลย คิดว่าจะจัดการกับลูกค้ารุ่นใหญ่อย่างไร ซึ่งเป็นลูกค้าฐานใหญ่ของเรา"

พร้อมเล่าต่อถึงวิธีจัดการกับวิกฤติว่า เมื่อตั้งสติได้แล้ว จึงได้เริ่มหันมาสนใจทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง วางแผนวิธีการจัดการทั้งหมด ปรับเมนูต่างๆ ซึ่งจากเดิมทั้งหมดขายเป็นจานเสิร์ฟในร้าน ก็ต้องปรับเป็นขายใส่กล่อง เป็นข้าวกล่อง โดยทำเหมือนอาหารเบนโตะแบบญี่ปุ่น เมนูปูผัดผงกะหรี่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านก็ต้องปรับจากปูเป็นตัว ๆ มาเป็นเนื้อปูแทน พัฒนาเมนูอาหารที่ลูกค้าสามารถรับประทานคนเดียว หรือประมาณ 2-4 คน ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรับประทานในขณะที่นั่งประชุม หรือ work from home ได้ และสามารถทำเป็นเดลิเวอร์รี่ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ทางร้านอาหารที่ต้องปรับตัว ทางลูกค้าก็ปรับตัว ทำให้การเปิดตัวมาทำอาหารออนไลน์ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แม้ว่ารายได้จะไม่เท่ากับช่วงก่อนที่มีการระบาดโควิด-19 แต่ก็ถือได้ว่าสามารถประคับประคองกิจการไปได้ และคิดว่าเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนของเดลิเวอร์รี่ก็ยังจะดำเนินการต่อไป

ถึงเวลารุ่นต่อไป เตรียมต่อยอด ส่งต่อรุ่นที่ 3

คุณสมบูรณ์ยังเล่าต่อว่า จากประสบการณ์ซึ่งเกิดจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตนเองคิดว่าช่วงนี้ยังคงยังไม่คิดขยายสาขาของ "สมบูรณ์โภชนาการ" แต่มีโครงการที่จะต่อยอดเพิ่มมูลค่าจากกิจการกลุ่มอาหารต่อไป เช่น การทำอาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป เป็นต้น

"เวลาผมคิดโมเดลธุรกิจ ผมมักจะคิดในลักษณะพี่น้อง ความสัมพันธ์ในลักษณะบุคคล หากกิจการพี่ประสบปัญหา ก็มีกิจการน้องสนับสนุนอยู่ ส่วนกิจการพี่แข็งแรงก็หนุนกิจการน้องให้เติบโต ส่วนการสืบต่อกิจการไปยังรุ่นที่ 3 นั้น ขณะนี้ก็ทยอยให้หลานซึ่งเป็นลูกของพี่ๆ เขามาศึกษาในแผนกต่าง ๆ โดยเชื่อว่าการจะเป็นผู้บริหารดูแลกิจการได้นั้น ต้องรู้ทุกแผนก เข้าใจพนักงานทุกส่วน เพื่อให้สามารถแจกจ่ายงานได้อย่างเข้าใจและเห็นใจคนทำงาน การงานก็ก้าวต่อไปได้อย่างไม่สะดุด" คุณสมบูรณ์กล่าวทิ้งท้ายสรุปความเป็นมาพร้อมพูดถึงทิศทางในอนาคตของ "สมบูรณ์โภชนา" ในที่สุด

.

.

.