ชาวอเมริกันต้องใช้มาตรการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างความแน่ใจยังคงรับประทานอาหารได้ต่อไป ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ และราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงานจาก The Wall Street Journal พบว่าผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงินไปกับค่าอาหารมากกว่าที่พวกเขามีในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าชาวอเมริกันใช้จ่าย 11.3% ของรายได้ไปกับค่าอาหารในปี 2022 มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1991

ขณะเดียวข้อมูลของกรมแรงงาน ระบุว่าราคาเมนูในร้านอาหารเพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนมกราคม 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา รวมถึงต้นทุนค่าของชำที่เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน

แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่สั่นคลอนสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มบรรเทาลง แต่ราคาอาหารยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว และน้ำตาลที่ราคาสูงตามชั้นวางสินค้า อีกทั้ง ทางเลือกในการรับประทานอาหารนอกบ้านก็มีราคาสูงเช่นกัน เพราะร้านอาหารได้เพิ่มราคาเพื่อให้ธุรกิจยังคงอยู่ต่อไป

ด้วนราคาค่าครองชีพที่พุ่งสูง ทำให้ชาวอเมริกันหาวิธีต่อสู้กลับเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ ซึ่งมีไอเดียที่น่าสนใจกับการประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในสถานการณ์แบบนี้ ดังต่อไปนี้

-ทำนโยบายห้ามรับประทานอาหารนอกบ้าน

-ใช้คูปองส่วนลดเพื่อเดินทางไปซื้อของชำทุกสัปดาห์

-ซื้อของจำนวนมาก แต่ยังคงรักษาราคาให้ต่ำ

-เปลี่ยนมาทำอาหารรับประทานเอง โดยเปลี่ยนจากการใช้วัตถุดิบหนัก ๆ เช่น ไก่คาดเซียตอเร่ มาเป็นก๋วยเตี๋ยวทูน่า ที่ใช้แค่บะหมี่ไข่ ทูน่ากระป๋อง ซุปครีมเห็ดกระป๋อง หัวหอม และกระเทียม

นอกจากนี้ ยังมีไอเดียอื่น ๆ อีก เช่น Bernard Brothman ผู้บริหารทรัพยากรบุคคลที่เกษียณอายุแล้ว บอกว่าตนได้เพิ่มการผลิตพืชผลในสวนชุมชนเพื่อทดแทนผลผลิตในร้านขายของชำ โดยใช้เงิน 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อปุ๋ย และเมล็ดพืช สำหรับเป็นอาหาร และสามารถประหยัดเงินได้หลายร้อยเหรียญ เมื่อผักคะน้า, แครอท, ฟักทอง, มะเขือเทศ เข้าสู่ช่วงฤดูกาล

ส่วนความคิดเห็นคนอื่น ๆ บอกว่าให้กลับไปสู่การใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม โดยอาศัยสัญชาตญาณนักล่าของบรรพบุรุษ

ที่มา: businessinsider