ประโยชน์มหาศาลของกล้วยไข่...ที่ไม่กล้วยเหมือนชื่อ

 กล้วยไข่ เป็นพืชเขตร้อนสามารถปลูกได้ทุกภาคของไทย แต่ที่มีชื่อเสียงและได้ผลผลิตที่ดีคืออยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งกล้วยไข่ของไทยยังถูกจัดว่าเป็นกล้วยที่มีรสชาติหวานหอมอร่อยที่สุดในโลก ซึ่งในเดือน 10 ของทุกปีจะมีงานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง มีการกวนกระยาสารทกระทะหลวง ถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมนี้ไว้ที่จังหวัดกำแพงเพชรก็ว่าได้ นอกจากการรับประทานผลสดแล้ว ยังสามารถนำกล้วยไข่ไปแปรรูปเป็นขนมต่างๆเช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ กล้วยบวชชี กล้วยเชื่อม หรือรับประทานเป็นเครื่องเคียงข้าวเม่าคลุก และอื่นๆอีกมากมาย

• สรรพคุณทางยาของส่วนต่างๆกล้วยไข่

ประโยชน์ของกล้วยไข่นั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับกล้วยชนิดอื่นๆ ซึ่งจากการวิจัยกล้วยทั้ง 3 ชนิด คือ กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยหอม พบว่าถ้าหากเรารับประทานในปริมาณที่เท่ากันคือ 100 กรัม ในกล้วยไข่จะมีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดโดยมีปริมาณถึง 492 ไมโครกรัม ในขณะที่กล้วยน้ำว้าและกล้วยหอมมีเพียง 9 ไมโครกรัม เพียงเท่านั้นเท่านั้นยังไม่พอ กล้วยไข่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ซึ่งสารนี้มีประโยชน์ในด้านการแพทย์คือสามารถป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้ายได้ และยังมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสุภาพสตรีในด้านความสวยความงาม คือสามารถช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควรนอกจากนั้นยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น

• ยาง ช่วยในการห้ามเลือด สมานแผลมีรสฝาด
• ใบ ใช้ต้มอาบแก้ผดผื่นคัน ให้รสจืด
• หัวปลี ช่วยโรคโลหิตจาง ลดระดับน้ำตาลในเลือด และยังแก้โรคกระเพาะอาหารและลำไส้ ให้รสฝาด
• ผลดิบ ใช้ชงในน้ำร้อนหรือบดเป็นผงรับประทานเพื่อช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และท้องเสียเรื้อรัง ให้รสฝาด
• ผลสุก ช่วยเป็นยาระบาย บำรุงกำลัง และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ให้รสหวาน
• ราก นำไปต้มดื่มรักษาอาการร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยสมานภายใน แก้บิด ท้องเสีย ผื่นคัน แก้ไข้ ให้รสฝาดเย็น
• หยวก นั้นสามารถนำไปเผาไฟรับประทานช่วยในการขับถ่ายพยาธิ ให้รสฝาดเย็น
• เหง้า ช่วยรักษาแผลภายในบริเวณทวารหนัก หรือปรุงเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร ให้รสฝาดเย็น