โรงเรียนกีฬา แจกทุนเรียนฟรี พร้อมแถมอนาคต"เศรษฐี"
by Smart SME,
9 สิงหาคม 2559
บีบีซี รายงานตัวเลขผู้เฝ้าชมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน ครั้งที่ 31 หรือ “ริโอ เกมส์” ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิลว่า มีเพียง 3.2 ล้านคน เทียบกับ “ลอนดอน เกมส์” เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ชมทั่วโลกมากกว่า 22 ล้านคน
จะมากหรือน้อย คนไทยก็คงไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่า ความสำเร็จของนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ ณ วันนี้ (เช้าวันที่ 9 ส.ค.59) สามารถคว้าเหรียญรางวัลจาก “ริโอ เกมส์” ได้แล้วถึง 4 เหรียญ โดย 4 เหรียญที่ว่านี้ ได้มาจากนักกีฬายกน้ำหนัก ที่ล้วนผ่านการศึกษาจากโรงเรียนกีฬาในประเทศไทยทั้งหมดคือ 2 เหรียญทองจากน้องแนน-โสภิตา ธนสาร รุ่น 48 กก.หญิง และน้องฝ้าย-สุกัญญา ศรีสุราช รุ่น 58 กก.หญิง ส่วน 1 เหรียญเงิน ได้จากน้องแต้ว-พิมศิริ ศิริแก้ว รุ่น 58 กก.หญิง และ 1 เหรียญทองแดงจาก ดุ่ย-สินธุ์เพชร กรวยทอง ในรุ่น 56 กก.ชาย
แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการถึงเงินอัดฉีด แต่สื่อมวลชนต่างรายงานว่า มูลค่าของเหรียญทองในครั้งนี้ สูงถึง 25 ล้านบาท ส่วนเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงที่แม้จะยังไม่มีการพูดถึง แต่ก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ได้มีการจัดเตรียมไว้ให้แล้วอย่างน้อยก็หลัก “ล้านบาท”
ตรงนี้ยังไม่รวมสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การเข้ารับราชการ หรือการได้รับยศ-เลื่อนตำแหน่ง ตลอดจนการได้ทุนการศึกษาแบบให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี
ส่วนเส้นทางของนักกีฬาระดับเหรียญรางวัลโอลิมปิกไทยในครั้งนี้ อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นคือ ทุกคนผ่านโรงเรียนกีฬามาทั้งสิ้น เช่น น้องแนน-โสภิตา ธนสาร ผ่านโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร, ระดับมหาวิทยาลัย สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตกรุงเทพ ปีที่ 5
ขณะที่น้องฝ้าย-สุกัญญา ศรีสุราช ก็เคยผ่านโรงเรียนกีฬา จังหวัดชลบุรี และขณะนี้ กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี
น้องแต้ว-พิมศิริ ศิริแก้ว ก็เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี และสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี เช่นเดียวกับน้องฝ้าย
ดุ่ย-สินธุ์เพชร กรวยทอง 1 ในฮีโร่โอลิมปิก ที่ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม ปี 3 ก็เคยผ่านโรงเรียนกีฬาในจังหวัดนครราชสีมา (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครราชสีมา) มาแล้วเช่นกัน
แม้จะเป็นสถาบันการศึกษาที่หลายคนบอกว่า มองไม่เห็นอาชีพในอนาคต ยกเว้นการเป็น "ครูพละ" ตามโรงเรียนต่างๆ แต่ก็มีเยาวชนไทยจำนวนไม่น้อย ที่ตัดสินใจฝากอนาคตของตัวเองไว้กับสถาบันการศึกษาในกลุ่มนี้ กระทั่งประสบความสำเร็จจากการเป็น "นักกีฬาอาชีพ" และทำรายได้ให้กับตัวเองอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ชัดเจนที่สุดก็คือ บรรดานักฟุตบอล ที่ปัจจุบันมีรายได้ขั้นต่ำมากกว่าพนักงานออฟฟิศ หรือข้าราชการในรุ่นเดียวกัน และจะมีมากยิ่งขึ้นหากติดทีมชาติ หรือได้เป็นผู้เล่นในสังกัดทีมลำดับต้นของตารางการแข่งขัน
ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลก ที่ลามเลียเข้ามายังประเทศไทย รวมถึงความเป็นไปของสังคมในยุค “4.0” ทำให้คนไทยรุ่นใหม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ เพื่อได้มาซึ่งอนาคตที่ดีและมีเงินทองใช้จ่ายได้อย่างไม่ขัดสนนั้น โรงเรียนกีฬา น่าจะเป็นอีก 1 ทางเลือกในการบ่มเพาะ และนำพาทุกคนไปสู่หนทางการเป็นเศรษฐีได้ ดังเช่น 4 นักกีฬาเหรียญโอลิมปิคของไทยในครั้งนี้ รวมถึงศิษย์เก่าโรเรียนกีฬาคนอื่นๆ ที่เคยได้รับโอกาสแบบนี้ มาแล้วเช่นกัน
ปัจจุบันโรงเรียนกีฬาในประเทศไทย ที่เป็นสมาชิกกีฬาโรงเรียนกีฬามีทั้งสิ้น 25 แห่ง แบ่งเป็นสังกัดสถาบันการพลศึกษากระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ รวม 11 แห่ง ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชลบุรี จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดยะลา จังหวัดลำปาง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทองและจังหวัดอุบลราชธานี
ที่เหลืออีก 14 แห่ง อยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร โรงเรียนกีฬาจังหวัดตราดโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม โรงเรียนกีฬาจังหวัดหนองคาย โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครราชสีมา โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
โรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชโรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 จังหวัดนนทบุรี โรงเรียนกีฬาหมื่นศรีวิทยานุสรณ์ จังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร และโรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด
อย่างไรก็มีผู้ที่ใช้นามว่า “อาจารย์หนุ่ย_SR38:” ได้โพสต์ข้อความอธิบายถึงผู้มีสิทธิ์เข้าไปศึกษาในโรงเรียนกีฬา และสิทธิประโยชน์ของนักเรียนในโรงเรียนกีฬาไว้ได้อย่างน่าสนใจ บน http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=8857.10;wap2 โดยเขียนไว้ว่า
โรงเรียนกีฬาแต่ละแห่งจะเปิดสอนหลักสูตรของกีฬาแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความพร้อมของบุคลากร (อาจารย์ผู้สอน) แต่กีฬาหลัก ๆ ก็คือ ฟุตบอล ที่มีทุกโรงเรียนกีฬา
โรงเรียนกีฬาจะเปิดสอนในระดับมัธยม โดยจะสอบคัดเลือกเพื่อเฟ้นหานักกีฬาเข้าไปเรียนระดับ ม.1 และ ม.4 ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี และจะทำการสอบวิชาสามัญ คือคณิตศาสตร์ สังคม ภาษาไทย และความรู้ทั่วไป เหมือนโรงเรียนมัธยมทั่วไป แต่ภาคปฏิบัติจะมีการสอบพื้นฐานของประเภทกีฬาที่สมัครไว้
ผู้ที่ผ่านการคัดเลือก จะต้องมีพื้นฐานที่ดีกว่าผู้สอบแข่งขันคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน จึงจะเข้าเรียนในโรงเรียนกีฬาได้ เมื่อได้เข้าเรียนในโรงเรียนกีฬาแล้ว นักเรียนจะได้สิทธิเรียนฟรี พักอาศัยฟรี กินอยู่หลับนอนฟรี