วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2567

เฟซบุ๊ก เปิดผลสำรวจ ทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ภักดีต่อแบรนด์

by Smart SME, 10 พฤศจิกายน 2559

หลายคนอาจคิดว่าสำหรับกลุ่มคนจำพวกพวกมิลเลนเนี่ยม อายุ 18-34 ปี อาจจะขาดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ เพราะปัจจุบันโลกต่างมีสินค้าและบริการให้เลือกมากกว่าแต่ก่อน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ยังสำคัญสำหรับนักการตลาด เฟซบุ๊ก ไอคิว (Facebook IQ) จึงทำการสำรวจกลุ่มคน 14.700 คนในอเมริกา ทดสอบความรักต่อแบรนด์ในสายธุรกิจประกันรถยนต์ สายการบิน โรงแรม ร้านขายของชำ และร้านอาหาร พบว่ากว่า 77% ของผู้สำรวจ บริโภคแบรนด์เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่ง 37% เป็นกลุ่มรักแบรนด์ ซื้อซ้ำและภักดีต่อบริษัท และ 40% เป็นกลุ่มซื้อซ้ำแต่ไม่ได้ภักดีต่อบริษัท ผลสำรวจจึงเปิดเผย 5 ข้อเท็จจริงที่ทำให้พวกมิลเลนเนียมรักแบรนด์
  1. ความรักแบรนด์เกิดและเติบโตจากอารมณ์ล้วนๆ
แม้ 77% ของคนทำสำรวจทั้งหมดมักจะซื้อแบรนด์ซ้ำๆบ่อยๆ แต่ก็มีสาเหตุต่างกัน เพราะกลุ่มคนซื้อซ้ำจะใส่ใจราคาและความสะดวกเป็นพิเศษ มากกว่าพวกภักดีต่อแบรนด์ซึ่งใส่ใจด้านคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับมากกว่า figure_12
  1. สินค้าไม่มีคุณภาพ บริการไม่ประทับใจ อุปสรรคชิ้นสำคัญ
พวกคนกลุ่มนี้ชอบค้นคว้าอยากรู้อยากลอง แต่หากไม่สร้างแบรนด์กับคนกลุ่มนี้เพียงเพราะพวกนี้มีสินค้าให้เลือกช็อปเยอะ ระวังจะพลาดโอกาส รวมถึงหากมีปัจจัยเรื่องของประสบการณ์และราคาเข้ามาเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะโรงแรมและสายการบิน figure_3
  1. ประสบการณ์สำคัญกว่าราคา
ยิ่งมีรายได้ ยิ่งรักแบรนด์มากขึ้นก็เป็นไปได้  เพราะ 32% ของคนที่สำรวจมาและมีรายได้เกินแสนห้าเหรียญขึ้นไป มีแนวโน้มรักแบรนด์มากกว่าพวกมีรายได้ต่ำกว่า 35,000 เหรียญ แต่ถ้าเราเลิกคำนึงถึงเรื่องรายได้และให้คนที่สำรวจลองบอกแบรนด์ที่ตัวเองรักมากที่สุด บางคนชอบแบรนด์นั้นเพราะความสม่ำเสมอ ต้นทุน หรือคุณภาพ แต่ส่วนใหญ่มักเทเหตุผลไปที่ “ประสบการณ์”  บางที่คนยอมจ่ายให้แบรนด์ที่จำง่ายกว่า หรือความรู้สึกดีที่เขาจำได้ตลอดไป figure_4
  1. ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่เด็กมีผลกับแบรนด์
พ่อแม่สมัยนี้มีทางเลือกมากมาย  ได้รับข้อมูลจากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นการใช้มือถือ เล่น Facebook หรือ Instagram   จึงไม่แปลกใจเลยว่าพ่อแม่ยุคใหม่มักพิถีพิถันในการเลือกแบรนด์มากขึ้น และมีแนวโน้มภักดีต่อแบรนด์ที่ตนเลือกแล้ว โดย 42% ของพ่อแม่ยุคใหม่บอกว่าตนเป็นพวกภักดีต่อแบรนด์ ขณะที่พวกที่ไม่ใช่พ่อแม่แต่ภักดีต่อแบรนด์มีแค่ 36% figure_5
  1. ยิ่งเล่นเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม จะยิ่งรักแบรนด์
เฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram) ช่วยสนับสนุนความภักดีที่มีต่อแบรนด์ เพราะคนที่ใช้ Facebook หรือ Instagram มากกว่า 5 ครั้งต่อวันมีแนวโน้มมากกว่าคนที่ใช้ Facebook แค่เดือนละครั้งประมาณ 1.25 - 1.26 เท่า อาจเป็นเพราะว่าแพลตฟอร์มพวกนี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรรมความภักดีที่กลายเป็นความสัมพันธ์ต่อสินค้าด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักการตลาดควรต้องทำ 3 ประการหากต้องชนะใจกลุ่มคนมิลเลนเนียม
  1. เน้นบริการสร้างความใส่ใจเพื่อความไว้วางใจ
แบรนด์ต้องรักษาคุณภาพราคาและความสะดวกจึงจะรักษาพวกซื้อซ้ำได้ แต่จะให้พวกซื้อซ้ำหลงรักต่อแบรนด์ได้ แบรนด์ต้องส่งมอบความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าด้วย ให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริการของเรานั้นจัดไว้สำหรับลูกค้านั้นโดยเฉพาะ พยายามพูดคุยและเป็นมิตรกับเขา สื่อสารสร้างความสัมพันธ์เป็นประจำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน
  1. ส่งมอบประสบการณ์แบบที่ยอดเยี่ยม
แบรนด์ควรสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและมีความหมาย เฉลิมฉลองช่วงเวลาดีๆ ที่มีระหว่างแบรนด์ของคุณและลูกค้า เพื่อให้ผู้คนสนิทกับแบรนด์ของเรามากขึ้น
  1. ทำให้สินค้าและบริการเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับลูกค้า
ลูกค้าบางคนก็มีความต้องการเฉพาะที่รอให้คุณมาสนองก่อน อย่างพ่อแม่ยุคใหม่อาจได้รับประสบการณ์ดีๆจากบริการของสายการบินและโรงแรมหนึ่ง จนก่อให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ แต่แบรนด์ก็ควรพัฒนาสินค้า บริการ การสื่อสารอยู่เสมอ ที่มา : facebook IQ

Mostview

4 สิ่งของคนเลี้ยงลูกประสบความสำเร็จไม่เคยสอนตอนเมื่อลูกยังเล็ก

ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักสำคัญในการสั่งสอนลูกว่าจะเป็นคนอย่างไร โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินว่าควรทำอย่างไรกับลูกของเรา และเรื่องไหนที่ไม่ควรทำกับลูกของเรา

แม็คโคร-โลตัส ไตรมาสแรกปี 2567 ทำรายได้รวม 127,020 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/67 พบว่ามียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน

เกษตรกรเวียดนามไม่ทนหันปลูกทุเรียนส่งออกจีนแทนปลูกกาแฟที่ขาดแคลน แถมราคาถูกกว่า

ราคากาแฟโรบัสต้าทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุด กำลังต่อสู้กับภัยแล้ง รวมถึงเกษตรกรได้เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนแทน

คนไทย 30% ไม่มีเงินเก็บสำหรับการเกษียณ และ 60% มีเงินเก็บไม่ถึง 200,000 บาท

ภายในงาน KKP Financial Talk: Money Master #เรื่องเงินอย่าปล่อยให้รู้งี้ ซึ่งมีการพูดถึงปัญหาและคำแนะนำให้กับ Sandwich Generation ผู้แบกภาระการดูแลทั้งคนรุ่นก่อน และรุ่นหลังไว้ ในขณะที่เศรษฐกิจไม่เกื้อหนุนให้พวกเขาได้สบายขึ้น

SmartSME Line