จับตาเทรนด์ของคนยุคใหม่ ช้อปปิ้งออนไลน์กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ของหนุ่มสาวออฟฟิศ รวมทั้งเด็กๆ ในวัยเรียน ต่างเลือกซื้อของผ่านออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบตัดเงินทั้งในรูปแบบเครดิตการ์ด เดบิต รวมทั้งเว็บไซต์เอเย่นต์ยอดนิยมทั้งหลาย มีความปลอดภัยมาก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ช้อปสะดวกทุกเพศทุกวัย ความเร่งรีบของคนเมือง จึงกลายเป็นไอเดียการซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตยอดนิยมทั้งหลาย เลือกซื้อของตามชอบใจ พร้อมการบริการขนส่งออนไลน์ จึงกลายเป็นแนวความคิดเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในแวดวงผู้ประกอบการธุรกิจในนาม แฮปปี้เฟรช (HappyFresh) ด้วยบริการผ่านขั้นตอนอันแสนสะดวกสบายจึงเกิดเป็นบริการซื้อสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์เพียงกดใช้งานแอพพลิเคชัน พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมจะนำสินค้าไปถึงบ้านของผู้บริโภคภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมกับการชำระเงิน HappyFresh นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกและสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วกับการทำธุรกิจซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตพร้อมบริการขนส่งออนไลน์ ซึ่งนับเป็นแพลตฟอร์มที่เริ่มต้นขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากก่อตั้งธุรกิจในปี ค.ศ.2014 จากผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์จากอินโดนีเซีย พร้อมกับความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและให้บริการการซื้อของตลาดร้านขายของสะดวกซื้อออนไลน์ในเอเชีย จากฐานเดิมที่ก่อตั้งในจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย HappyFresh ได้ขยายตัวไปยังประเทศต่างๆอย่างรวดเร็วสู่มาเลเซีย ไทย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ เป็นประเทศล่าสุด ซึ่งแนวโน้มธุรกิจนี้มีทีท่าจะขยายตัวมากขึ้นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน ในส่วนของประเทศไทยที่ได้มีการเปิดตัวแอปพลิเคชัน HappyFresh ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปี 2015 ที่ผ่านมา ก็นับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของธุรกิจนี้ที่เข้ามาสู่ประเทศไทย หลังจากได้พันธมิตรสำคัญอย่างเดอะมอลล์กรุ๊ปและตั้งฮั่วเส็งมาร่วมสนับสนุน ด้านการใช้งานในประเทศไทยนั้นปัจจุบันครอบคลุมไป 4 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยที่ผู้ซื้อสินค้าสามารถเลือกเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัยก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทันที โดยจะได้รับบริการจัดส่งฟรีถึงบ้าน ทั้งนี้ บริการขนส่งออนไลน์นับเป็นอีกหนึ่งบริการที่กระแสตอบรับดีมากในประเทศไทยช่วง 2 ปีหลัง แต่ความเข้มข้นได้เริ่มทวีคูณมากขึ้นเพราะนอกจากจะมีรายใหม่ๆแล้ว ห้าง Big C, Tesco Lotus, 7-eleven รวมถึงเว็บไซต์ E-Commerce รายอื่นอย่าง tarad.com, lazada, tohome และ olx ก็ขยับตัวเข้าสู่ธุรกิจนี้เช่นกัน โดยเฉพาะล่าสุด LINE ผู้ให้บริการแอพแชตยอดนิยม ปัจจุบันมีผู้ใช้งานออนไลน์มากถึง 181 ล้านคนก็ได้เปิดตัวซูเปอร์มาร์เก็ตของ LINE เองเช่นกันเพื่อลุยตลาดอาเซียน ซึ่งได้เปิดตัวให้บริการ LINE online supermarket ในประเทศไทยเป็นที่แรก เนื่องจากประเทศไทยนับเป็นตลาดใหญ่ของ LINE และมีผู้ใช้มากถึง 36 ล้านราย หรือที่เปิดตัวไปแล้ว ก็เป็นการใช้ Startup เข้ามาผสมผสานกับเครือข่าย LINE ด้วยการทำ LINE Man สามารถสั่งอาหารโดยร่วมกับ Wongnai สำหรับตรวจสอบร้านอาหารแถวๆ ที่คุณต้องการ และใช้ระบบโลจิสติกสำหรับส่งอาหาร เมื่อคุณสั่งอาหารผ่าน LINE Man เรียกได้ว่า ระบบ Logistic กำลังมีบทบาทสำหรับของการใช้บริการเกือบทุกอย่างซะแล้ว จากจำนวนความนิยมที่มีมากมาย จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจในปัจจุบันนั้น ผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการจึงพยายามตอบสนองความสะดวกสบายไปยังกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากธุรกิจ Logistic Delivery ที่ผุดออกมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในมิติการใช้ชีวิตต่างๆ นั่นเป็นเพราะว่าเวลาในการดำเนินชีวิตของคนในสังคมนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น และนั่นคือสิ่งที่ Logistic Delivery จึงสนองตอบบริการเพื่อเพิ่มเวลาการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภคต่อไป