แม้ว่ามูลค่าการสั่งซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคผ่านทางระบบออนไลน์ในเยอรมันยังมีขนาดเล็ก โดยเฉพาะอาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ทำให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆหลายแห่งจะพยายามพัฒนาด้านต่างๆ แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ตัวอย่างเช่น Lidl ร้านค้าปลีกที่มุ่งเน้นการพัฒนาร้าน แต่จำต้องหยุดไปเพราะประสบปัญหากับระบบที่เปลืองเวลาและมีค่าใช้จ่ายสูง
แต่ไม่นานที่ผ่านมา
การรถไฟเยอรมัน (Deutsche Bahn) ได้พัฒนาแนวคิดร่วมกับซูปเปอร์มาร์เก็ต EDEKA โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการสั่งซื้อเครื่องอุปโภค-บริโภคผ่านทางระบบออนไลน์มีความสะดวกมากที่สุด ซึ่งนวัตกรรมนี้มีชื่อว่า
BahnhofsBox (บาห์นโฮฟส์บ็อกส์) ได้เปิดตัวในเมืองสตุ๊ทการ์ต เยอรมนี
โดยลูกค้าต้องสั่งสินค้าจากเว็บไซต์ EDEKA ที่มีให้เลือกกว่า 7,000 รายการ หลังจากสั่งซื้อทางออนไลน์ไปแล้ว 4 ชั่วโมง ลูกค้าสามารถมารับสินค้าได้ที่
“ช่องเก็บของพิเศษ” ที่สถานีรถไฟเมืองสตุ๊ทการ์ตได้จัดเตรียมไว้ให้ ขณะเดียวกันลูกค้ายังกำหนดวัน-เวลารับของเองได้ ซึ่งวันจันทร์ - ศุกร์ลูกค้าสามารถมารับสินค้าได้ตั้งแต่ 10:00 - 14:00 น. และอีกครั้งเวลา 15:00 - 23:00 น. ทั้งนี้ลูกค้ายังสามารถสั่งสินค้าล่วงหน้าได้ถึง 2 สัปดาห์อีกด้วย
ขั้นตอนการใช้งาน
หลังจากสั่งซื้อทางเว็บไซต์ของ EDEKA แล้วลูกค้าจะได้รับเลขรหัสการสั่งซื้อหรือรหัส QR ตามที่ลูกค้าต้องการ เพื่อใช้ปลดล็อกหรือเปิดช่องเก็บของ สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อของสดเช่น เนื้อสัตว์ ผัก หรือผลไม้ สินค้าก็จะถูกเก็บในช่องเก็บของพิเศษที่มีระบบรักษาความเย็นติดตั้งอยู่ แต่ถ้าซื้อเครื่องดื่มแอลกอลฮอล์หรือสินค้าที่มีส่วนผสมของแอลกอลฮอล์ ลูกค้าต้องนำบัตรประชาชนหรือบัตรธนาคารมาสแกนที่ช่องเก็บของเพื่อยืนยันว่าลูกค้าได้บรรลุนิติภาวะแล้ว โดยการสั่งซื้อสินค้าแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 2.95 ยูโร ซึ่งถูกกว่าบริการส่งถึงหน้าบ้าน ถึง 1 ยูโร
แพลนของ “Bahnhofbox”
ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา “Bahnhofbox” ก็ได้เริ่มเปิดสาขา 2 ที่สถานีรถไฟเบอร์ลินตะวันออก ณ กรุงเบอร์ลิน ลูกค้าสามารถเดินทางมารับสินค้าตามเวลาที่กำหนด ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีเวลาและต้องทำงานทั้งวัน เกิดความสะดวกสบายประหยัดเวลามากขึ้น เนื่องจากเวลาที่พวกเขาเลิกงาน ร้านส่วนใหญ่ก็ปิดทำการไปแล้ว ที่สำคัญพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาต่อคิวเพื่อรอจ่ายเงินแบบในซุปเปอร์มาเก็ต
การรถไฟเยอรมันคาดว่าในอนาคต บริษัท ห้าง ร้านต่างๆจะหันมาใช้บริการส่งสินค้าของ “Bahnhofsbox” มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การมารับเสื้อผ้าที่ส่งร้านซักรีดไว้ที่ “Bahnhofsbox” ทั้งนี้การใช้ “Bahnhofsbox” ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของทางบริษัทได้อีกทาง เช่น การส่งของที่ผู้รับไม่อยู่บ้าน ทำให้ต้องจัดส่งของอีกครั้งในวันถัดไป และสามารถลดค่าจ้างคนส่งของลงได้ นอกจากนี้ยังสะดวกสบายต่อลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่ต้องเดินทางโดยรถไฟตลอดเวลา แต่ยังสามารถมารับสินค้าตามเวลาได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากกว่าการรอรับของที่บ้าน ซึ่งไม่จำเป็นต้องมารอรับของทั้งวัน ในกรณีที่เป็นพัสดุลงทะเบียน และการรถไฟเยอรมันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากผลตอบรับเป็นไปตามเป้าหมาย ก็จะขยาย “Bahnhofbox” ออกไปยังสถานีรถไฟในเมืองอื่นๆ
โอกาสของ SMEs ไทย
ประเทศเยอรมันเป็นประเทศที่มีระบบและโครงสร้างการคมนาคมที่ดีมาก โดยเฉพาะรถไฟที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วไป และบริษัทใหญ่ๆทั้งในและต่างประเทศก็มักจะส่งสินค้าผ่านทางรถไฟ เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับบริษัทโลจิสติกส์อื่น ซึ่งแนวคิดของ “Bahnhofsbox” สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในไทยได้ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ๆ ที่เหมาะจะสร้าง “BahnhofsBox” ไว้ตามสถานีต่างๆของรถไฟฟ้า BTS และ MRT เพราะคนในหัวเมืองโดยเฉพาะที่กรุงเทพ ส่วนมากมักเร่งรีบไม่มีเวลาไปซื้อสินค้าต่างๆ ที่สำคัญคือ บริการนี้สามารถเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนวัยทำงานที่เร่งรีบตลอดเวลา เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT โดยผู้ประกอบการอาจปรับแนวคิดให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ เช่น พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับการสั่งซื้อสินค้าแทนการสั่งซื้อบนทางเว็บไซต์ออนไลน์ ฯลฯ