ตามรายงานการศึกษาของสถาบันเศรษฐกิจแห่งเยอรมนี เผยว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำเศรษฐกิจโลกสูญเสียรายได้ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022
McDonald’s กลับมาเปิดสาขาอีกครั้งที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียพยายามบุกเข้ามายึดพื้นที่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธจำนวน 2 ลูก ถล่มศูนย์การค้า Amstor ที่ตั้งอยู่ในเมือง Kremchuk ของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน และบาดเจ็บ 59 คน
World Bank ออกมาประเมินเศรษฐกิจยูเครนในปี 2022 พบว่ามีแนวโน้มหดตัว 45.1% ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการบุกของรัสเซีย ทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง การส่งออกอ่อนตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่สามารถเดินต่อได้
สหรัฐฯ เตรียมคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่โดยเล็งไปที่ธนาคาร และกลุ่มคนชนชั้นสูง ตลอดจนการห้ามชาวสหรัฐฯ เข้าไปลงทุนในรัสเซีย หลังโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประประณามรัสเซียว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่กลายเป็นสงครามได้ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างทั่วถึง ไม่เว้นแต่แม้กระทั่งแซลมอนที่ประเทศญี่ปุ่นต้องนำเข้ามีราคาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากเครื่องบินที่ใช้ขนส่งต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่งนำมาสู่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
รัฐบาลยูเครนใช้เงินประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.35 แสนล้านบาท) ในการสู้รบ โดยงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายมาจากรายได้จากการจัดเก็บภาษี และความช่วยเหลือจากพันธมิตรระหว่างประเทศของยูเครน
สินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นทางเลือกในเรื่องการระดมทุนยุคใหม่ในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง ก่อนหน้านี้หากจำกันได้รัฐบาลยูเครนได้เปิดโดเนทสกุลเงินคริปโตฯ ให้ผู้คนได้ร่วมบริจาคเพื่อนำไปใช้บริหารจัดการ
นาคาร Sberbank ซึ่งใหญ่สุดในรัสเซียกำลังประสบปัญหาอาจถึงขั้นเลิกกิจการในยุโรป หลังกระแสเงินสดไหลออกจากธนาคารเป็นจำนวนมากจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
ในสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น เรื่องปัจจัยเงินทุนถือเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ทำให้รัฐบาลยูเครนต้องกลับมาใช้วิธีหาเงินแบบดั้งเดิมผ่านพันธบัตร war bonds เพื่อระดมทุนต่อสู้กับรัสเซียที่ส่งกองทัพบุกโจมตีกรุงเคียฟ