วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2567

ธนาคารออมสิน แนะคุมกฎเกณฑ์สินเชื่อบ้านหลังที่ 3

by Smart SME, 17 ตุลาคม 2561

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่า กรณี ธปท.เตรียมปรับปรุงเกณฑ์กำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ผ่านการทบทวนสัดส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (loan-to-value ratio (LTV) เพื่อป้องกันปัญหาฟองสบู่ การควบคุมวงเงินสินเชื่อ จากเดิมปล่อยกู้ต่อหลักประกันร้อยละ 90-95 ของราคาหลักทรัพย์ ลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 80 ของหลักทรัพย์ พร้อมกับนำสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องมารวมด้วย เช่น การกู้สำหรับเตกแต่งบ้าน ซื้อเฟอร์นิเจอร์ วงเงินประมาณร้อยละ 5-10 เข้าไปรวมอยู่ในกฎเกณฑ์ใหม่ ธนาคารออมสินปล่อยกู้เหมือนกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จึงเสนอให้ให้บังคับใช้กับบ้านสัญญาหลังที่ 3 ขึ้นไป และเสนอให้เลื่อนกำหนดเวลาใช้จากเดิมในวันที่ 1 ม.ค.62 ออกไปก่อน

โดยธนาคารออมสินต้องการให้ ธปท.รวมรวบความเห็นจากทุกส่วนประเมินให้รอบด้านที่จะได้รับผลกระทบ ทั้งธนาคาร ประชาชน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขายวัสดุก่อสร้าง ขายเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ของตกแต่ง เพราะอาจอาจทำให้ยอดขายลดลงได้ ยอมรับว่าการปรับปรุงกฎเกณฑ์ใหม่ช่วยให้ธนาคารปล่อยกู้ได้มีคุณภาพมากขึ้น แต่อาจทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบ เนื่องจากคนมีรายได้น้อยซื้อที่อยู่อาศัยหลังใหม่ลำบาก เพราะเงื่อนไขใหม่ได้นำสินเชื่อเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งบ้านเข้าไปรวมอยู่วงเงินกู้ซื้อบ้านด้วย ดังนั้น ธปท.จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ธนาคารออมสินเน้นปล่อยกู้กับบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท สัดส่วนประมาณร้อยละ 70-80 จึงมองว่าการซื้อบ้านหลังแรกคงไม่มีการเก็งกำไร จึงควรจะผ่อนปรนเกณฑ์ แต่ถ้าเป็นการซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองอาจมีการลงทุนบ้าง รวมถึงที่อยู่อาศัยเกินหลังที่สองก็ควรออกเกณฑ์ป้องกัน


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line