วันเสาร์, เมษายน 27, 2567

ส่องตลาด ผักผลไม้อบกรอบ ในประเทศจีน

by Smart SME, 16 ตุลาคม 2561

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว รายงานว่า จีนเป็นประเทศเกษตรกรรมขนาดใหญ่มีผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายชนิด แต่การแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรยังไม่ก้าวหน้าไปมาก รัฐบาลจีนจึงเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการจีนหันมาแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและเพิ่มมูลค่าสินค้าประเภท ผักผลไม้อบกรอบ

โดยผักผลไม้อบแห้งถือเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่ตรงกับความนิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งการผลิตในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อส่งออก ทำให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในตลาดจีนยังไม่หลากหลายมากนัก รวมทั้ง ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวจีนในวงกว้าง

นายหวงเหว่ยหง ผู้ก่อตั้ง ซงหายจึ บริษัทผู้ผลิตผลไม้อบแห้งรายใหญ่ กว่า 160 ชนิด ในจีน ที่ประสบความสาเร็จด้านยอดขายอันดับ 1 ใน Tmall และ JD กล่าวว่า ปัจจัยในความสำเร็จคือการให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เนื่องจากจีนมีประชากรสูง หากมีผลิตภัณฑ์ใดเพียง 1 อย่างที่สามารถครองใจและได้รับความนิยม ก็จะสามารถสร้างผลกำไรได้ พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มตลาดของกินเล่นในจีนไว้ดังนี้

  • ต้องน่ารับประทาน น่าดู และดีต่อสุขภาพ

สำหรับของกินเล่น ความอร่อยถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะรสชาติที่ถูกปากจะทำให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำ และจดจำในแบรนด์ นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวจีนมักสนใจสินค้าของกินเล่นชนิดใหม่ๆ ซึ่งบริษัทฯเห็นว่าผลไม้อบกรอบ เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคชาวจีนยังไม่คุ้นเคย ทั้งปัจจุบันผู้บริโภคจีนยังให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคชาวจีนเลือกซื้อผลไม้อบกรอบ เนื่องจากมีเกลือ-น้ำตาลน้อย และไขมันต่ำ

  • แนวโน้มบรรจุภัณฑ์มีขนาดเล็กลง

ผู้บริโภคชาวจีนนิยมซื้อของกินเล่นที่มีบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคผู้หญิง ที่ต่างต้องการสินค้าพกพาสะดวก สามารถกินให้หมดในครั้งเดียวเพราะหากบรรจุภัณฑ์มีขนาดใหญ่ เมื่อรับประทานไม่หมดแล้วนำกลับมากินอีกรสชาติก็เปลี่ยนไป

  • ด้านราคา

ผู้บริโภคชาวจีนนิยมซื้อของกินเล่นในราคาระหว่าง 10-20 หยวนต่อถุง (45-90 บาท) ตัวอย่างเช่น ทุเรียนอบแห้งหนัก 500 กรัม จะทำมาจากทุเรียนสด 4 กิโลกรัม หากนามาบรรจุเป็นทุเรียนอบแห้งขนาด 100 กรัมต่อถุง ราคาขายปลีกจะตกอยู่ที่ประมาณ 80-140 หยวนต่อถุง (370-650 บาท) ทำให้รู้สึกว่าสินค้าว่ามีราคาแพง แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นบรรจุถุงละ 30 กรัม ราคาประมาณถุงละ 10 กว่าหยวน ก็จะเปลี่ยนความรู้สึกว่าราคาไม่แพงสามารถซื้อได้ พร้อมกันนั้น การทำให้ผู้บริโภคสามารถชิมสินค้าได้หลายรสชาติโดยไม่ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก การออกแบบบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กให้ดูน่ารัก ก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยดึงดูดใจลูกค้าได้

  • มีจุดดึงดูดลูกค้า

ผู้บริโภคจีนที่เกิดระหว่างปี 1990-1999 ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่เลือกซื้อสินค้าจากราคาแต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ผู้ประกอบการจึงต้องหมั่นศึกษาความต้องการของลูกค้า เข้าใจลูกค้าว่าต้องการอะไร บริการแบบไหนและพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ออกตรงตามความต้องการ อย่าง เห็ดหอมอบแห้งที่บริษัทผลิตออกมาให้เป็นของทานเล่นสำหรับผู้รักการออกกาลังกาย เนื่องจากทานแล้วอิ่มง่ายและมีแคลอรี่ไม่สูง

  • ใช้ประโยชน์จาก BIG DATA

ด้านการโฆษณาสินค้า การศึกษาวิจัยรสนิยมของลูกค้าที่ซื้อสินค้าบนออนไลน์รวมถึงเวลาสั่งซื้อ จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ตัวอย่างเช่น ลูกค้าจำนวนมากนิยมสั่งซื้อสินค้าในช่วงเวลาตอน 7 โมงเช้า เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้จะใช้เวลาตอนที่นั่งรถมาทำงาน ลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่มีเวลานานในการดูรายละเอียดของสินค้า บริษัทจึงต้องออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้ดูเรียบง่ายและค้นหาข้อมูลได้ง่ายเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น ในด้านการดูแลรักษาลูกค้า บริษัทจะส่งของขวัญชิ้นเล็กๆ ให้ลูกค้า เพื่อสะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญที่จะดูแลและรู้จักลูกค้า หรือเมื่อมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาก็ต้องส่งให้ลูกค้าลองชิม เป็นต้น


Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line