วันจันทร์, เมษายน 29, 2567

สพฐ.เพิ่มมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินแลกโอกาสการเข้าเรียน

by Nanyarath Niyompong, 22 มีนาคม 2562

 

สพฐ. ยกเลิกนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 แก้ไขปัญหาการเรียกรับเงิน "แป๊ะเจี๊ยะ" ของโรงเรียนทั่วประเทศ และลดปัญหาการทุจริตในระบบการศึกษา

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต่อคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี ดังนั้น สพฐ. จึงยกเลิกนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 และให้ใช้ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2562 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 แทน โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ

1. กรณีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ 7 ข้อ ได้มีการพิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์ 3 ข้อ ให้คงเหลือไว้ 4 ข้อ คือ (1) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้บริจาคที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อจัดตั้งโรงเรียน ซึ่งมีเงื่อนไขและข้อตกลงร่วมกันมาก่อนมติคณะรัฐมนตรี ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 (2) นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส (3) นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ (4) นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน สำหรับเงื่อนไขพิเศษที่ได้มีการยกเลิกไป คือ (1) นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย (2) นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ (3) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

2. การรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีการแข่งขันสูง ให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการร้อยละ 60 และรับนักเรียนทั่วไปด้วยวิธีการสอบคัดเลือกร้อยละ 40 และต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ รวมกับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษของแผนการรับนักเรียน โดยประกาศหลักเกณฑ์ก่อนการพิจารณาและประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับการพิจารณาตามเงื่อนไขพิเศษให้สาธารณชนทราบ

3. การกำหนดนิยาม คุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนให้ มีความชัดเจนและเข้มงวดขึ้น โดยนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ หมายถึง นักเรียนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ใน เขตพื้นที่บริการของโรงเรียน อย่างน้อย 2 ปี นับถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 และต้องอาศัยอยู่จริงกับบิดา มารดา หรือผู้ปกครองตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ที่เป็นเจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้าน โดยให้เจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้านรับรองการอาศัยอยู่จริง เพื่อให้ได้นักเรียนที่เป็นผู้มีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ในพื้นที่จริง มิใช่เพียงแต่ชื่อปรากฏในทะเบียนบ้าน แต่มิได้อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านดังกล่าวจริง

4. ให้ทุกสถานศึกษาประกาศผลการสอบโดยเรียงตามลำดับคะแนนสอบของผู้เข้าสอบแข่งขันได้ทุกคนโดยเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ทั้งนี้ ในกรณีที่สถานศึกษามีการรับนักเรียนเพิ่มเติมไม่ว่าในกรณีใดให้ดำเนินการเรียกรับนักเรียนตามประกาศผลการสอบที่ได้เรียงรายชื่อตามลำดับคะแนนที่สอบแข่งขันได้

5. ให้โรงเรียนแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียดการเก็บเงินบำรุงการศึกษาไว้ในประกาศการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อของแต่ละโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับทราบไว้โดยชัดเจน

6. ห้ามมิให้โรงเรียนดำเนินการเอื้อประโยชน์โดยให้สิทธิพิเศษหรือโควตาแก่สมาคมผู้ปกครองและครู สมาคมศิษย์เก่า หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการศึกษาของแต่ละโรงเรียน ในลักษณะที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการฝากเด็กเข้าเรียนหรือในลักษณะการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ทุกจังหวัด ลงพื้นที่สุ่มติดตามและสังเกตการณ์การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ร่วมกับ สพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งรายงานผลการติดตามและสังเกตการณ์ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงใกล้กำหนดระยะเวลาการรับสมัครนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ระหว่างวันที่ 22 – 27 มีนาคม 2562

การลงพื้นที่สุ่มติดตามและสังเกตการณ์การรับนักเรียนของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับเงิน "แป๊ะเจี๊ยะ" ของโรงเรียนทั่วประเทศ และลดปัญหาการทุจริตในระบบการศึกษา เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line