รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ แสดงความยินดี อันดับ Doing Business ไทยเพิ่มขึ้น พร้อมสนใจย้ายฐานการผลิตลงทุนใน EEC

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย.62 ที่ผ่านมา นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้การต้อนรับและประชุมหารือร่วมกับนายวิลเบอร์ รอสส์ (Mr. Wilbur Ross) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐสหรัฐฯ คณะนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ จำนวน 16 บริษัท ณ ห้องจูปิเตอร์ 4-5 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

ทั้งนี้ มีประเด็นหารือเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แสดงความชื่นชมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยรวมถึงสนับสนุนการดำเนินนโยบายThailand 4.0 และแสดงความยินดีกับการที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจประจำปี 2563 (Doing Business 2020) ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

โดยสหรัฐฯ ยังได้นำภาคเอกชนสาขาต่างๆ มาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ เนื่องจากสหรัฐฯ เล็งเห็นโอกาสและลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย รวมถึงความเป็นไปได้ในการย้ายฐานการผลิต (Relocation) มาประเทศไทย

ด้านนายอุตตม ได้ยืนยันถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยกระดับประเทศไทยสู่ยุค 4.0 เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม(Transformation) และมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

โดยนักธุรกิจสหรัฐฯ ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับโครงการเขตพัฒนาพิเศษตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งมีบริษัทชั้นนำ อาทิ Baxter International ผู้นำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้เข้ามาลงทุนใน EEC แล้วและมองว่าประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับภูมิภาคอาเซียนได้

นอกจากนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯ ยังได้แสดงความสนใจโอกาสทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะสาขาพลังงาน การเงิน และโครงสร้างพื้นฐานซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความโปร่งใส เช่น การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและพิธีการศุลกากร มุ่งเน้นการเสริมสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเห็นได้จากการที่ธนาคารโลกได้ปรับอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจประจำปี 2563 ของประเทศไทยมาอยู่ที่อันดับที่ 21 ของโลก

อย่างไรก็ตามรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในเชิงหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาทั้งในประเทศและอนุภูมิภาค และสนับสนุนความเชื่อมโยงในภูมิภาคด้วย