อย่างที่ทราบดีว่า ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนได้ก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก แต่สิ่งที่จีนทำควบคู่กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ถืือเป็นภารกิจสำคัญสำหรับสวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ ด้วยเหตุนี้ การมุ่งหน้าสู่การนำประเทศเป็นเมืองสีเขียวให้ได้ในเร็ววัน จึงเป็นเรื่องที่จีนให้ความใส่ใจอย่างจริงจัง

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สำนักงานการเพาะปลูกและพื้นที่สีเขียวของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่าปี 2019 ปักกิ่งจะเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่ริ้วสีเขียว (Green belt) ที่กำหนดให้ต้องมีในผังเมือง ได้มากถึง 17,200 เฮกตาร์ (ราว 730,000 ไร่) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ขยายพื้นที่สีเขียวรอบล่าสุด

โดยในปี 2019 ปักกิ่งปลูกต้นไม้ได้ราว 11.6 ล้านต้น พร้อมวางแผนเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่ริ้วสีเขียวอีก 11,333 เฮกตาร์ (ราว 70,000 ไร่) ในปี 2020 และโครงการรณรงค์ดังกล่าวยังตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่า ริ้วสีเขียว และพื้นที่ชุ่มน้ำ เพิ่มอีก 66,700 เฮกตาร์ (ราว 410,000 ไร่) ภายในปี 2022

โครงการการรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโครงการก่อนหน้าที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2012-2018 ผลักดันการปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 54 ล้านต้น ส่งผลให้อัตราความครอบคลุมของป่าในทั่วเมือง ขยับจากร้อยละ 37.6 ขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 41

หยางฮ่าว รองผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของสำนักงานฯ กล่าวว่าภารกิจเพิ่มพื้นที่สีเขียวในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่สถานที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ มหกรรมพืชสวนโลกกรุงปักกิ่ง และท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งต้าซิงแห่งใหม่ของปักกิ่ง

“ปีหน้าเราจะเพิ่มความพยายามในโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่สำคัญ ๆ เช่น ทางรถไฟความเร็วสูงปักกิ่ง-จางเจียโข่ว พื้นที่รอบนอกตัวเมือง และพื้นที่ริมแม่น้ำหย่งติ้ง เพื่อขยายพื้นที่สีเขียวในปักกิ่งต่อไป” หยางกล่าว

ที่มา : สำนักข่าวซินหัว