จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบให้ทุกคนต้องทำงานอยู่บ้านแบบ Work from Home ทำให้ผู้ประกอบการบางรายอาจตัดสินใจเลิกจ้าง หรือมองหา Freelance เข้ามาช่วยงานแทนพนักงานที่ทำงานที่บ้าน

ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายคนที่ยังเข้าใจสับสนว่า การทำงานที่บ้านนั้นเท่ากับการทำงานแบบ Freelance ทำให้อัตราการจ้างงาน หรือสวัสดิการต่าง ๆ เปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลกระทบกับพนักงานโดยตรง จนทำให้องค์กรของคุณดูไม่มั่นคง และไม่มีความน่าเชื่อถือ

สาเหตุที่ทำให้การ Work from Home ไม่เท่ากับการทำงานแบบ Freelance เพราะทั้งสองรูปแบบมีภาระ หน้าที่ จุดเด่น และข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจ

Work from Home มีรายได้ประจำ แต่ Freelance ไม่มี

ข้อแตกต่างหลักที่ทำให้ Work from Home ดูดี และสร้างความอุ่นใจให้กับพนักงานได้มากกว่าการเป็น Freelance นั่นคือเรื่องของรายได้ต่อเดือนที่มั่นคง เพราะการทำงานที่บ้านนั้น พนักงานยังได้รับสิทธิ์เหมือนพนักงานประจำทุกอย่าง ซึ่งองค์กรของคุณอาจจะมีการขอความร่วมมือในการปรับลดเงินเดือน หรือขอความร่วมมือให้พนักงาน Leave without pay ลาแบบไม่รับเงินเดือน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย แต่สุดท้ายพนักงานทุกคนก็ยังคงได้เงินเดือนที่แน่นอน มีรายได้ประจำอยู่ดี

ซึ่งต่างกับการทำงาน หรือจ้างงานแบบ Freelance ที่ถ้าคุณไม่ป้อนงาน พนักงานก็จะไม่ได้เงิน เป็นการทำงานแบบแลกเงินงานต่องานที่ไม่สามารถการันตีรายได้ได้ในอนาคต ซึ่งความแตกต่างตรงนี้จะมีผลต่อการจ้างงานครั้งต่อ ๆ ไปของคุณด้วย เพราะจะมีทั้งคนที่อยากได้งานประจำ และคนที่อยากทำงาน Freelance และคนทั้งสองประเภทนี้ก็จะมีความต้องการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

Freelance ต้องการความอิสระ Work from Home ต้องการความร่วมมือ

จากการประกาศหาพนักงานเพิ่มในช่วงนี้ หรือการปรับเปลี่ยนสถานะพนักงานประจำ ให้กลายเป็น Freelance นั้นคุณต้องเข้าใจด้วยว่า รูปแบบการทำงานของคนทั้ง 2 กลุ่ม แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะการทำงานแบบ Freelance จะต้องการความสะดวก สบาย รวดเร็ว และไม่ต้องติดต่อกับใครให้ยุ่งยาก เขาต้องการแค่บรีฟ และการทำงานกับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพาตัวเองมาประชุม ไม่ต้องกังวลว่าจะเริ่มงานสาย หรือคุณเองไม่มีสิทธิ์เข้าไปจัดแจงการทำงานของเขาแบบ 100% อีกต่อไป ทำได้แค่บรีฟ และรอรับงานตามเดดไลน์เท่านั้น

แต่สำหรับคนที่ Work from Home เขาเหล่านี้ยังคงเป็นพนักงานในองค์กรของคุณ ซึ่งไม่ได้รับหน้าที่ให้ทำงานแค่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ต้องถือโปรเจกต์ในมือมากมาย และมีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับคนในองค์กรที่หลากหลาย ทำให้เขาเหล่านี้จะต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในออฟฟิศ เพื่อผลักดันให้ผลงานต่างๆ ออกมาดีได้ และเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องจัดหาเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดประสบการณ์ทดลองใช้บริการ Freelance จากวิกฤต Work from Home

สุดท้ายหากคุณไม่เคยใช้บริการ Freelance เลยสักครั้ง การ Work from Home จะเป็นเหมือนสนามเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้เปิดใจใช้บริการเขาเหล่านั้นดู เพราะการใช้บริการ Freelance เองก็มีข้อดีมากมายที่ต่างกันไปจากพนักงานประจำ คือ คุณไม่จำเป็นต้องดูแลพวกเขามาก ทั้งรายจ่ายที่ตายตัว ทั้งเรื่องของสวัสดิการ และเรื่องของค่าใช้จ่ายในเรื่องสาธารณูปโภคบริโภคในออฟฟิศที่ต้องจ่ายทุกเดือน

ซึ่งการใช้งาน Freelance คุณจะได้รับความเป็นมืออาชีพที่สามารถทำผลงานให้ดีได้ตามตกลง บางงานอาจได้รับราคาที่ถูกลงกว่าจ้างพนักงานประจำ เพราะพนักงานประจำส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำงานวันหนึ่งได้ถึง 8 ชั่วโมงเต็ม ๆ สมองของคนเราจะต้องมีเวลาพักผ่อน ซึ่งวันนี้เขาอาจจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ เพียง 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น ส่งผลให้เวลาที่เหลือคือการพัก หรือการทานชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน รอเวลาเลิกงาน

เมื่อคุณไม่ต้องแบกรับต้นทุนทุกอย่างตรงนี้ และจ้างงาน Freelance ที่ทำงานได้เสร็จเหมือนกัน และตรงตามเดดไลน์ โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องใช้ไฟในองค์กร ไม่ต้องเรียกร้องสวัสดิการใด ๆ มันจึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่ทำให้คุณลดต้นทุนธุรกิจไปได้ด้วยการจ้าง Freelance มาแทนพนักงานประจำบางตำแหน่งที่ไม่จำเป็น