เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ได้ออกมาประกาศปิดหน้าร้านค้าปลีก Microsoft Store เป็นการถาวร จำนวน 83 สาขาทั่วโลก โดยจะมุ่งเน้นไปที่การขายทางออนไลน์แทน เพราะเป็นช่องทางที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ Microsoft จะเป็นในส่วนของซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถขายผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายกว่า อีกทั้งยอดขายทางออนไลน์ก็เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่มีการล็อกดาวน์จากการระบาดของโควิด-19

ทางด้านโฆษกของ Microsoft บอกว่า ในช่วงที่ผ่านมาทีมงานของ Microsoft แสดงให้เห็นแล้วว่า การขายผ่านทางออนไลน์นั้นประสบความสำเร็จมากกว่าการขายผ่านทางหน้าร้านค้าปลีก

ทั้งนี้ หลายฝ่ายกังวลว่า การปิดสาขาหน้าร้านของ Microsoft Store อาจส่งผลให้บริษัทต้องลดจำนวนพนักงานลง แต่ทางโฆษกของ Microsoft ได้ออกมาบอกว่า พนักงานทุกคนจะยังสามารถทำงานกับ Microsoft ต่อไปได้ โดยจะมีการย้ายทีมจากการขายหน้าร้านไปช่วยในการขายทางออนไลน์แทน

เดิมทีการเปิดตัว Microsoft Store นั้นมีจุดประสงค์เพื่อต้องการที่จะแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Apple Store ที่มีสาขาจำนวนมากทั่วโลก แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และไม่สามารถที่จะเอาชนะทาง Apple Store ได้ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 จนหน้าร้านค้าปลีกต้องขาดทุนอย่างหนัก

ทำให้ทาง Microsoft ต้องปิดหน้าร้านค้าปลีกไปอย่างถาวร ตามกระแสของ New Normal โดยที่ยังเหลือหน้าร้านที่ยังเปิดอยู่เพียง 4 สาขา ที่ลอนดอน, นิวยอร์ค, ซิดนีย์ และวอชิงตันเท่านั้น อย่างไรก็ตามจะมีการปรับเปลี่ยน Microsoft Store รูปแบบเดิมไปเป็นแบบ Experience Center แทน

อ้างอิง:

https://news.microsoft.com/2020/06/26/microsoft-store-announces-new-approach-to-retail/