DSI บุกค้นแหล่งเก็บสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าย่านภาษีเจริญ เจอแบรนด์เนมยี่ห้อดังอื้อ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

วันที่ 11 ส.ค.63 พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 23 และ 23/1-7 พุทธมลฑลสาย 1 ซอย 13 แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

ผลการตรวจค้นพบสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าจำนวนมาก ประเภทเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ฯลฯ แบรนด์หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) กุชชี่ (Gucci) และโค้ช (Coach) จำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจนับของกลาง รวมมูลค่าความเสียหายหรือมูลค่าตามราคาท้องตลาดกว่า 100 ล้านบาท

โดยได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดชาวจีน นายซูเช็ง เฉิน โดยกล่าวหาว่า “มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร” และส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ได้ทำการสืบสวนจนพบขบวนการขายสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า จึงได้ทำการเฝ้าจุดสะกดรอย จนแน่ชัดว่ามีการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ จึงได้วางแผนเข้าทำการตรวจค้นและขอหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และศาลได้พิจารณาอนุมัติหมายค้น เพื่อทำการตรวจค้นจนพบสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าจำนวนมากดังกล่าว

การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ประกอบกับการที่ประเทศไทยถูกสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) จัดอันดับสถานะทางการค้าอยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตา (WL) ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีนโยบายในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง โดยจะได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยเฉพาะเขตพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (พื้นที่สีแดง) และเขตพื้นที่ที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเด็ดขาดต่อไป

ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษผ่านทางเว็บไซต์ www.dsi.go.th หรือโทรสายด่วน DSI Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ