กกพ.มีมติปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ม.ค.–เม.ย.2564 ถูกลงอีก 2.89 สตางค์ จ่าย 3.61 บาทต่อหน่วย บรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชน

วันที่ 5 พ.ย.63 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แถลงข่าว "การพิจารณาค่าเอฟที สำหรับเดือน ม.ค.-เม.ย.2564” โดยนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. ระบุว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย.63 กกพ.มีมติให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 2564

โดยให้เหลือ -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจากการเรียกเก็บงวดก่อนหน้า (ก.ย. – ธ.ค. 2563) ที่ -12.43 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าจ่ายค่าไฟฟ้าถูกลงอีก 2.89 สตางค์ต่อหน่วย หรืออยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย

สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟที ม.ค.–เม.ย. 2564 ประกอบด้วย

1.ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.64 เท่ากับประมาณ 60,685 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ก.ย.–ธ.ค.63 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 58,910 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3

2.สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค.–เม.ย.64 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 55.32 นอกจากนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ ร้อยละ 14.92 ลิกไนต์ของ กฟผ. ร้อยละ 9.47 ถ่านหินนำเข้า ร้อยละ 8.31 และอื่นๆ อีก ร้อยละ 8.14

3.สถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยรวมราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยแต่ละประเภทเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา ยกเว้นราคาถ่านหินนำเข้าที่ปรับตัวลดลงจากงวด ก.ย.–ธ.ค.63

4.อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (วันที่ 1–31 ก.ย.63) เท่ากับ 31.4 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากประมาณการในงวดเดือน ก.ย.–ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บประจำเดือน มกราคม–เมษายน 64 ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 5–19 พ.ย.63 ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป