เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ช็อก เมื่อ “เจ๊เกียว” ผู้ทำธุรกิจด้านบริการรถโดยสารเดินทางที่เรียกได้ว่าเป็นระดับตำนาน และหลายคนย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี หากต้องเดินทางออกต่างจังหวัด ประกาศขายกิจการเชิดชัยทัวร์เป็นที่เรียบร้อย

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ “เจ๊เกียว” นางสุจินดา เชิดชัย ต้องตัดสินใจขายกิจการนั้นมาจากปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กินระยะเวลามาอย่างยาวนานจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเดินรถทัวร์เป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าคนเดินทางกันน้อยลง รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปใช้บริการเครื่องบินโลว์คอส

เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเช่นกัน โดยบริษัทเชิดชัยทัวร์มีรถมากกว่า 200 คัน วิ่งเส้นทางภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ซึ่งตอนนี้เหลือวิ่งแค่ 20-30% ส่วนที่เหลือจอดอยู่ที่อู่มาเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี เนื่องจากขาดทุน

อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนที่สูง ทำให้เหลือแค่เส้นทางระยะสั้น เช่น กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และจังหวัดทางภาคตะวันออก ส่วนภาคอื่น ๆ ได้หยุดวิ่งเป็นที่เรียบร้อย เพราะหากวิ่งทั้งหมดตั้งแบกรับต้นทุนเดือนละ 4 ล้านบาท

และเหตุผลสุดท้าย คือไม่มีคนสืบทอดกิจการ เพราะลูกทั้ง 4 คน ของ “เจ๊เกียว” ล้วนมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และไม่มีผู้ใดมีความประสงค์จะสานต่อธุรกิจเดินรถ บขส.

เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า “เจ๊เกียว” เข้าไปเป็นกรรมการบริษัทหลายที่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

1. บริษัท กิจการราชสีมายานยนต์ จำกัด ประกอบกิจการเดินรถโดยสารประจำทาง โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 18.1 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 269,001 บาท

2. บริษัท อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำกัด ประกอบกิจการต่อตัวถังรถโดยสาร ซ่อม จำหน่ายอะไหล่ โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 85.6 ล้านบาท กำไรสิทธิ 1.6 ล้านบาท

3. บริษัท เกลียวเวิลด์ จำกัด ประกอบกิจการเกี่ยวกับการประกอบแชสซีส์รถต่าง ๆ โดยในปี 2563 มีรายได้รวม 20.7 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5,372 บาท

4. บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกอบกิจการผลิตยานยนต์อื่น ๆ ที่ใช้เพื่อการโดยสาร โดยในปี 2564 มีรายได้รวม 160.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาท

5. บริษัท เชิดชัยคาร์ส จำกัด ประกอบกิจการขายรถยนต์และตัวแทนขายรถยนต์ ในปี 2563 มีรายได้รวม 1,214 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4.1 ล้านบาท

6. บริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ จำกัด ประกอบกิจการให้บริการเดินรถขนส่งประจำทาง เช่ารถโดยสาร ในปี 2564 มีรายได้รวม 530 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.0 ล้านบาท