วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2567

Central Lab ปั้นเกษตรธรรมดาสู่เกษตรอินทรีย์ดันส่งออก

by Smart SME, 12 เมษายน 2560

คุณสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ บ.ห้องปฏิบัติการกลาง ประเทศไทย จำกัด (Central Lab) เปิดเผยในรายการตอบโจทย์SME ว่า บริษัท ห้องปฏิบัติการกลางประเทศไทย จำกัด หรือ Central Lab ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 6 สาขา คือ 1.กรุงเทพ 2. เชียงใหม่ 3.ขอนแก่น 4.สมุทรสาคร 5.ฉะเชิงเทรา และ6.สงขลา ทำหน้าที่คือวิเคราะห์ตรวจสอบรับรองมาตรฐานให้แก่สินค้าส่งออกของไทย คือมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้เสนอในการจัดตั้งในปี 2546 และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ถือหุ้น 51% และกระทรวงการคลังถือหุ้น 49% ด้วยทุน 1,900 ล้านบาท แต่วิธีการบริหารจัดการจะเป็นรูปแบบเอกชน โดยทำการวิเคราะห์ทดสอบสินค้าคือ สินค้าเกษตรแบบสด ทั้งพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์,อาหารแปรรูป,น้ำดื่ม,เครื่องสำอาง,ปุ๋ยอินทรีย์,ตรวจอากาศ,ตรวจมลพิษ,ตรวจน้ำเสีย,ตรวจเฟอร์นิเจอร์ที่เคลือบด้วยสารเคมี,เครื่องหนังที่เคลือบด้วยสารเคมี เรียกว่าครอบคลุมสินค้าเกือบทุกประเภท โดยในอดีตเน้นวิเคราะห์เพื่อการส่งออก 80% แต่ ณ ปัจจุบัน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการเน้นไปที่กระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ (Local economy) ตั้งต้นน้ำ คือเกษตรกรทุกกลุ่ม สู่การเป็นวิสาหกิจชุมชน สู่การเป็นโอทอป และสู่การเป็นSME นี่คือเศรษฐกิจฐานรากที่ต้องการให้สินค้าปลอดภัยหรือเป็นอินทรีย์ ผ่านเซ็นทรัลแล็ปที่สามารถตอบข้อสงสัยนี้แก่ผู้บริโภคให้เชื่อมั่นได้ และไม่สามารถโกหกผู้บริโภคได้เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่สากลยอมรับ ส่วนเรื่องของเกษตรนั้น นโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการให้ไทยเป็นเกษตรอินทรีย์ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรอาจจะต้องใช้เคมีด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจเรื่องปากท้องและหนี้สิน คือ เร่งผลผลิตให้ได้ปริมาณมากๆ ต้องการให้ผลผลิตสวยงาม และใช้ระยะเวลาสั้นกว่าในการปลูกด้วยการใช้อินทรีย์ บวกกับต้นทุนที่ถูกกว่าอินทรีย์หลายเท่าตัว แต่มีโทษต่อร่างกายทั้งของผู้ปลูกและผู้รับประทาน ทั้งนี้ ผู้ที่ปลูกด้วยวิธีอินทรีย์นั้น จะสามารถขายได้มากกว่าเคมีแน่นอน เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการดูแลตนเองมากขึ้น ก็พร้อมที่จะจ่ายให้แก่เกษตรอินทรีย์ รวมถึง จะมีความร่วมมือกับ ธกส. จัดทำโครงการที่จะให้ความรู้แก่เกษตรกรตั้งแต่ต้นนำจนถึงปลายน้ำ ด้วยการตรวจฟาร์ม ตรวจน้ำ ตรวจดิน ตรวจปุ๋ย ตรวจอากาศ ตรวจเมล็ด และนำผลผลิตไปตรวจ โดยใช้เครื่องมือทางเซ็นทรัลแล็ปในการตรวจทุกกระบวนการ ซึ่งอาจารย์สุรชัยบอกอีกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องตลาด เนื่องจากทุกวันนี้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และเว็บไซต์หลักๆต้องการพืชผลทางการเกษตรที่เป็นอินทรีย์อย่างแท้จริง โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือกับธกส.สำหรับการหาพื้นที่นำร่อง นี่จึงเป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งของเซ็นทรัลแล็ปคือ แล็ปประชารัฐ ที่ต้องการพัฒนาชุมชนฐานราก ระยะเวลาของการตรวจสินค้าจะใช้เวลา 5-7 วัน โดยเมื่อตรวจเสร็จสิ้นแล้วจะมีเทสติ้งรีพอร์ตให้ผู้ประกอบการเพื่อเป็นเครื่องมือการันตี สร้างความน่าเชื่อถือแก่สินค้า โดยการตรวจสินค้าจะเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น โดยในราคาหลักหมื่นนั้น จะเป็นกระบวนการที่ละเอียดมากขึ้นที่จะตรวจไปถึงระดับดีเอ็นเอ สามารถตรวจวิเคราะห์มาตรฐานฮาลาลจากการปนเปื้อนสุกร ส่วนประเด็นด้านการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น อ.สุรชัยได้เปิดเผยว่า ในปี 2546 มติครม.ได้มอบหมายให้เซ็นทรัลแล็ปเก็บข้อมูลผู้บริโภคเพื่อความปลอดภัย แต่ที่ผ่านมายังไม่พร้อมในการเก็บข้อมูล จึงอยากเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อให้มีข้อมูลจำนวนมากแก่ผู้บริโภค ส่วนประเด็นการสุ่มตรวจสินค้าบนออนไลน์อาจจะทำยังไมได้เนื่องจากไม่มีงบประมาณ แต่ในอนาคตอาจจะมีการร่วมมือกับ สคบ.เหมือนในอดีต เพื่อเป็นการป้องกันและสุ่มตรวจในการป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ ร่วมมือกันสุ่มตรวจสินค้าในเว็บดังๆเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลเสีย หรือเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ นอกจากนี้ประเด็นคูปองที่สสว.มอบให้แก่ SME OTOP วิสาหกิจชุมชนหรือเกษตรกร ที่สามารถส่งสินค้ามายังเซ็นทรัลแล็ปเพื่อการตรวจวิเคราะห์ ปัจจุบันมีเหลือเพียง 500 ใบ 1ใบ/ราย/สินค้า หลักเกณฑ์สำหรับผู้ที่จะได้รับคูปอง ประกอบไปด้วย 4 หลักเกณฑ์ คือ 1.ต้องเป็นผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาก็ได้หรือนิติบุคคลก็ได้แต่ต้องประกอบกิจการมาอย่างน้อย 1 ปี ด้วยการนำเอกสารจากหน่วยงานที่ได้จดทะเบียน 2.ต้องเป็นสมาชิกของสสว. หากยังไม่ได้สมัคร สามารถสมัครได้บนเว็บไซต์ของ สสว. 3. โหลดเอกสารการสมัครหรือแบบฟอร์มได้บนเว็บไซต์ของเซ็นทรัลแล็ปได้ และ 4.เตรียมสินค้าตัวอย่าง เช่น อาหารแปรรูป พืชผักสด ต้องมีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม, เครื่องสำอาง 100 มิลลิกรัม โดยสามารถไปยื่นเอกสารได้ที่เซ็นทรัลแล็ปที่กระจายอยู่ทั้งหมด 6 สาขา ทั่วประเทศ หรือหากรวมกลุ่มกันได้แล้ว ทางเซ็นทรัลแล็ปจะส่งเจ้าหน้าที่ไปรับเอกสารและสินค้า SME โอทอป และเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 02-940-5993 ต่อ 271,272
Tag :

Mostview

คู่รักนักธุรกิจอินเดียบริจาคทรัพย์สิน 890 ล้านบาท พร้อมออกบวชเข้าสู่เส้นทางศาสนา

คู่รักชาวอินเดียผู้มั่งคั่งจากรัฐคุชราตได้บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านรูปี (ประมาณ 890 ล้านบาท) เพื่อบวชเป็นพระ หลังได้รับแรงบันดาลใจจากการบวชของลูกชาย และลูกสาว

ปิดแล้ว! ร้าน Lawson ฉากหลังภูเขาฟูจิ หลังนักท่องเที่ยวไม่ทำตามกฏ ทิ้งขยะเกลื่อน

อีกหนึ่งจุดถ่ายภาพเวลานักท่องเที่ยวไปภูเขาฟูจิที่ประเทศญี่ปุ่น นั่นคือพื้นที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ ที่เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ใครมาต้องมาถ่ายรูปให้ได้ แต่ตอนนี้กำลังจะเหลือเพียงความทรงจำ กลายเป็นอดีต

ผลกระทบขึ้นค่าแรง 400 บาท อาจทำให้สินค้าขยับราคาขึ้น 15%

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นภาคเอกชน ทั้งในภาคส่วนการผลิต การค้า และบริการ การปรับอัตราค่าแรงในแต่ละครั้งมักจะมีผลกระทบต่อทั้ง GDP เงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน รวมถึงอัตราการว่างงานทั้งบวกและลบ

Noumami บริษัทนอร์เวย์ ผลิตน้ำปลาจากแซลมอน แบรนด์แรกของโลก

“น้ำปลา” จัดเป็นสินค้าสัตว์น้ำพื้นเมืองของประเทศไทย โดยปลาที่นิยมนำมาเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ ปลากะตัก ปลาสร้อย ปลาซิวแก้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ปลาดังกล่าวที่พูดมาสามารถนำมาทำเป็นน้ำปลาได้ เพราะปลาแซลมอนก็สามารถนำมาผลิตได้เช่นกัน

Wang Ning เจ้าของ Pop Mart ผู้กลายมาเป็นเศรษฐีจากการขายตุ๊กตา Molly ราคา 300 กว่าบาท ทั่วจีน

Pop Mart ร้านขายของเล่น Art Toys ชื่อดัง ที่ชั่วโมงนี้ไม่มีนักสะสมคนไหนไม่รู้จัก พร้อมที่จะมุ่งไปทันทีหากมีการเปิดขายคอลเล็กชันตัวละครใหม่ จนต้องมีการลงทะเบียนเพื่อรับคิวในการเข้าซื้อกันเลยทีเดียว

SmartSME Line