วันศุกร์, เมษายน 26, 2567

ซื้อ iPhone 8 วันนี้เลยไหม หรือจะรอ iPhone X ดี?

by Smart SME, 22 กันยายน 2560

เจอเข้าแบบนี้คุณจะซื้อไอโฟน 8 หรือจะยอมรอตัวที่ใหม่กว่าละ?

ด้วยราคาที่ต่างกัน 200 – 300 เหรียญสหรัฐ กับการอดทนรออีก 6 สัปดาห์ เพื่อ iPhone X แต่ถ้าทนต่อการยั่วของศัพท์แสงทางการตลาดใหม่ๆ ที่ทางผู้ผลิตโฆษณาออกมาอย่าง Bionic chip, Super Retina และ deeper pixels ไม่ไหวก็อาจจะต้องยอมจ่าย

คุณต้องการโทรศัพท์ใหม่จริงหรือ?

ก่อนการเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ทาง apple ได้ทำการอัปเดตระบบใหม่อย่าง iOS 11 ออกมา แน่นอนว่ามีเป็นการอัปเดตฟรีที่มาพร้อมด้วยการออกแบบหน้าตาใหม่ พร้อมคุณสมบัติใหม่อย่างการรองรับการทำงานกับแอปพลิเคชันทางด้าน augmented reality, ระบบจัดการไฟล์, ระบบ control center, ไดร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยกว่าเดิม และ Siri เวอร์ชั่นใหม่ที่มีการเปลี่ยนเสียงกับเทคนิคการแปลภาษารูปแบบใหม่ แต่ iOS 11 ไม่ได้มีไว้สำหรับไอโฟนทุกตัว แม้จะบอกว่ามันพร้อมจะทำงานกับไอโฟน 5s ขึ้นไป ก็ใช่ว่าทุกฟังก์ชั่นจะสามารถใช้งานในไอโฟนทุกรุ่นที่ติดตั้งระบบใหม่เข้าไปได้ คุณต้องยอมรับว่าระบบ person-to-person payments นั่นใช้งานได้ตั้งแต่ไอโฟน SE ขึ้นไปเท่านั้น และ Augmented reality ก็มีไว้สำหรับไอโฟน 6S คุณอาจจะปลื้มมากๆ กับคุณสมบัติการกันน้ำของไอโฟน 7 ที่ราคาลดลงไปมากพอตัวรับการมาของ iPhone 8

คุณจะได้จากอะไรจาก iPhone 8 และ 8 Plus ?

หากไม่เป็นการทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปก็อยากจะเรียกว่าจริงๆ แล้วนี่คือ ไอโฟน 7S และ 7 Plus เพราะมันเป็นการเพิ่มเติมความสามารถใหม่กับดีไซน์ใหม่เข้าไปน้อยนิดเท่านั้นเอง เริ่มจากฝาด้านหลังที่เปลี่ยนมาเป็นกระจก ตามมาด้วยคุณสมบัติหลักอย่างการชาร์จแบบไร้สาย เพียงนำไอโฟนไปวางไว้บนอุปกรณ์จ่ายไฟแบบไร้สายที่ชื่อ Qi แน่นอนว่าไม่มีแถมมาให้ต้องไปหาซื้อแท่นชาร์จเอาเอง และปิดท้ายด้วยความสามารถของโปรเซสเซอร์ใหม่อย่าง A11 ที่นอกจากจะบอกว่ามีความเร็วแล้วยังมี neural engine ที่สามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกับงานที่ซับซ้อน

แตกต่างจากไอโฟน 7 ตรงไหน?

ไอโฟน 8 ทั้งสองตัวมาพร้อมความสามารถการชาร์จไร้สาย, ฝาด้านหลังเป็นกระจก และการทำงานของซีพียูที่เร็วขึ้นบนความจุที่มากขึ้นถึง 64 GB และ 256 GB ทาง apple บอกว่าเรื่องของกล้องก็สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น ด้วยความสามารถของกล้องคู่ทำให้การถ่ายภาพ Portrait ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น และแน่นอนว่ามีระบบแฟลชที่ดีขึ้นกว่าเดิม

เหมือนไอโฟน 7 ที่ตรงไหน?

เรื่องงานออกแบบแทบจะไม่เห็นความแตกต่าง นอกเสียจากมุมมองจากทางด้านข้างเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ส่วนเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ความละเอียดหน้าจอ และเรื่องกันฝุ่นกันน้ำเหมือนเดิมทุกประการ

ราคาและกำหนดวางจำหน่าย

iPhone 8 เริ่มขายในราคา 699 เหรียญสหรัฐ ส่วน iPhone 8 Plus ขายที่ราคา 799 เหรียญสหรัฐ สำหรับตัวเริ่มต้นที่ 64 GB พร้อมส่งถึงมือในวันที่ 22 กันยายน 2560 (ในต่างประเทศ)

คุณจะได้อะไรจากการรอ iPhone X ?

อย่างแรกที่คุณจะได้ก็คือพื้นที่การใช้งานหน้าจอที่ใหญ่กว่าคือ 5.8 นิ้ว ในขนาดเครื่องที่เล็กกว่าไอโฟน 8 เพราะปุ่มโฮมได้ถูกนำออกไปแล้ว ทำให้การปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือทำไม่ได้อีกต่อไป ต้องหันไปใช้การปลดล็อคด้วยใบหน้าแทน และเรื่องของกล้องหน้ายังลามไปถึงคุณสมบัติใหม่อย่างการนำเอาใบหน้าไปทำ Animoji เพื่อประสบการณ์ใหม่ในการแสดงออกทางอารมณ์ได้อีก อีกเรื่องคือกล้องก็จะได้รุ่นของเลนส์ที่ดีกว่า iPhone 8 Plus

แตกต่างจากไอโฟน 8 ตรงไหน?

iPhone X เหนือกว่าตรงที่มีความสามารถเรื่องของปลดล็อคด้วยใบหน้าและ Animoji ความละเอียดของจอที่มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ สิ่งที่ขาดหายไปคือปุ่มโฮมและระบบปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือ กล้องหลังที่ถ่ายภาพได้อย่างนิ่ง กับกล้องหน้าที่มาพร้อมกับโหมด Portrait ของกล้องหน้า

เหมือนกับไอโฟน 8 ที่ตรงไหน?

เรื่องที่ได้เหมือนกันก็คือ การชาร์จแบบไร้สาย, ฝาหลังเป็นกระจก และซีพียูตัวใหม่ A11 ส่วนกล้องหลังก็มีโหมดการทำงานที่ใกล้เคียงกัน

ราคาและกำหนดวางจำหน่าย

iPhone X เริ่มต้นที่ 999 เหรียญสหรัฐ พร้อมส่งของ 3 พฤศจิกายน 2560 (ในต่างประเทศ) ได้รับข้อมูลแบบนี้กันแล้ว iPhone ตัวต่อไปของคุณคือตัวไหน? ขอบคุณข้อมูลจาก Money.cnn.com

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

SmartSME Line