วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2567

หัวหน้าควรจะเชื่อมั่นในตัวลูกทีมเวลาเผชิญกับปัญหา

by thaksuthee, 18 ธันวาคม 2561

หัวหน้าควรจะเชื่อมั่นในตัวลูกทีมเวลาเผชิญกับปัญหา รวมถึงมอบอำนาจและอิสระในการแก้ไขปัญหาเองตามความเหมาะสม เพื่อผลักดันให้พวกเขาก้าวหน้า แต่มีข้อยกเว้นครับ นั่นคือ หากเป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน และอาจส่งผลเสียต่องาน หัวหน้าจะต้องเป็นคนลงมือแก้ไขด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควร “มอบความไว้วางใจ” แต่เป็นช่วงเวลาที่ควรดึงข้อมูล และอำนาจบริหารจัดการทั้งหมดมารวมอยู่ที่ตัวคุณเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาทันที

หากจะพูดให้เห็นภาพ ก่อนอื่นคุณควรบอกให้ชัดเจนว่า “ตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนเชื่อใจผม” หรือ “ผมอยากให้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาที่ผม” จากนั้นจึงประสานงานกับคนในทีม หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา คุณต้องเริ่มจัดลำดับความสำคัญของปัญหา โดยต้องรู้ว่าข้อมูลที่จำเป็นในการแก้ปัญหาคืออะไร ใครมีความสามารถที่เหมาะสม และจะแจกจ่ายความรับผิดชอบอย่างไร

แม้แต่ตอนที่ปัญหาใกล้จะลุล่วงแล้ว คุณก็ยังต้องคอยตรวจสอบว่า “ ใครทำอะไร” “กำลังรับมือกับปัญหาไหนอยู่” “เมื่อไหร่ถึงจะเห็นผล” โดยไม่ให้คลาดสายตา ซึ่งทีนี้ปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของคุณ คุณจะทำอย่างไรดีล่ะ

ในกรณีนี้ คุณก็ควรตัดสินใจว่า “ให้คนที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้นหรือคนในทีม แก้ปัญหาจะดีกว่า” แล้วมอบอำนาจให้เขาโดยแต่งตั้งเป็นหัวหน้า ไปนำทีมแก้ปัญหาเอง อย่างไรเสียหัวหน้าก็เป็นแค่บทบาทหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ ในแต่ละสถานการณ์อาจแตกต่างกันไป คุณจึงต้องเลือกหัวหน้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เมื่อได้คนที่เหมาะสมมาลงมือแก้ปัญหาแล้ว ตัวคุณเองก็ต้องคอยมองภาพรวมแล้วให้คำแนะนำ

ข้อมูลจาก: หนังสือแค่ทำให้คนเก่งขึ้น 1% คุณก็จะทำงานน้อยลง 99% โดย โคโนะ เอตาโร่


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line