“ราคูเท็นตลาดดอทคอม” มองอนาคตตลาดออนไลน์สดใส ลูกค้ากล้าที่จะซื้อสินค้ามากขึ้นส่งผลให้ยอดขายเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 20 % กลุ่มสินค้าขายดีได้แก่ แฟชั่นและเครื่องสำอาง รองลงมาได้แก่มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้หญิงนิยมซื้อมากกว่าผู้ชาย

จากการให้สัมภาษณ์ของนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง ราคูเท็นตลาดดอทคอมกล่าวว่าพฤติกรรมการเข้าถึง social media ของคนไทยมีมากขึ้น สื่อสาธารณะที่ได้รับความสนใจมากที่สุดได้แก่ เฟสบุ๊ค อินสตราแกรม การเติบโตของการทำตลาดบน social media เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรอบ 2 ปีที่ผ่านมานี้มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมีนัยยะสำคัญ กลุ่มสินค้าได้รับความนิยมในการทำตลาดและการขายบน social media ได้แก่สินค้าในหมวดแฟชั่น รองลงมาเป็นหมวดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดส่วนใหญ่ใน social media จะเน้นการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้ามากกว่าการขายโดยตรง

จากข้อมูลสถิติของราคูเท็นตลาดดอทคอมพบว่า พฤติกรรมการซื้อสินค้าผู้หญิงจะนิยมซื้อสินค้ามากกว่าผู้ชายในสัดส่วน 58: 42 ส่วนสินค้าที่ผู้หญิงนิยมซื้อบนออนไลน์ คือ สินค้าในหมวดบิวตี้และแฟชั่น รองลงมาคือโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาหารและสุขภาพ นาฬิกาและเครื่องประดับ กล้อง ในขณะที่ 5 อันดับกลุ่มสินค้าขายดีที่ผู้บริโภคชายนิยมซื้อบนออนไลน์ ได้แก่โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาหารและสุขภาพ นาฬิกาและเครื่องประดับ บิวตี้และแฟชั่น กล้อง ตามลำดับ

“ในรอบปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของการทำธุรกิจบนมือถือมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก จนเรียกได้ว่าเป็นตลาดในยุคปัจจุบันมากกว่าที่จะบอกว่าเป็นตลาดอนาคต เหตุผลสำคัญเพราะสามารถเจาะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิผลและตรงกลุ่มมากกว่า” นายภาวุธกล่าว

นายภาวุธ ยังกล่าวอีกว่า การแข่งขันภายในตลาด มีการแข่งหลายระดับ คือแบรนด์ใหญ่แข่งกันเอง     หรือแบรนด์ตัวเองแข่งกับตัวเอง คือแบรนด์ตัวเองนำเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันที่บางคนก็เอาเข้ามาอย่างถูกต้องเช่นกัน เสียภาษีถูกต้องแต่ถูกนำมาแข่งกับผู้ถือแบรนด์ ซึ่งการทำเช่นนี้ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นกลยุทธ์ในการขาย ซึ่งแบรนด์ก็มีค่า มาร์เก็ตติ้งก็มีค่า จึงทำให้ราคาสูงกว่า แต่ในขณะเดียวกันที่อีกกลุ่มหนึ่งนำเข้ามาอย่างถูกต้องแต่มีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งการแข่งขันก็จะมีหลายระดับ

และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยละ 15 และผู้ประกอบการในแถบเอเชียเข้ามามีบทบาทมากจึงเริ่มมีการแข่งขันมากขึ้น

ด้านการเติบโตของ ราคูเท็นดอทคอม ปีที่ผ่านมามียอดขายรวมถึง 744,419 ล้าน และเป็นตลาดในกลุ่มB to C  มูลค่า 1,219,392 ล้านบาท คิดเป็นยอดการเติบโตที่ 21.8 %

คุณภาวุธ กล่าวว่า ในปีนี้อัตราการเติบโตอีคอมเมิร์ซในระบบออนไลน์จะมีการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะจะมีรายใหม่และอุตสาหกรรมใหม่ๆเข้ามา สินค้ามาแรงคือ อุปกรณ์ประกอบรถยนต์ นอกจากนี้ สินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คือสินค้ากลุ่ม แฟชั่นและมือถือ ใน 2 ปีหลัง มีสินค้าจากจีนเข้ามามากขึ้น พวกนี้จะทำกลยุทธ์การตลาดแบบพรีออเดอร์ เป็นเหตุให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายซึ่งในอนาคต แบรนด์ต่างๆจะลงมาสู่ธุรกิจออนไลน์มากขึ้น

ด้านรายได้ของราคูเท็นดอทคอมซึ่งได้มา 3 ช่องทาง คือช่องทางแรกเป็นค่าเช่าหน้าร้านเดือนละประมาณ 1000 บาท ช่องทางที่2 เป็นการให้ค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่3-5% ช่องทางที่3 ได้จากการโฆษณา ซึ่งส่วนที่ทำรายได้หลักคือ ค่าโฆษณาและคอมมิชชั่นจากการขาย

อีกทั้งราคูเท็นยังมีการทำการตคลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นจุดเด่นของการทำตลาดออนไลน์ให้สามารถเจาะจงลูกค้าได้  ซึ่งสินค้าในราคูเท็น มีทั้งหมด 26 หมวดหลัก ประเภทลูกค้ากลุ่มใหญ่อยู่ที่อายุระหว่าง 25-35 ปี รองลงมาคืออายุระหว่าง 35-45 ปี