คนไทยหัวใสพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษผ่าน VR อุปกรณ์เสมือนจริง โดยผู้เรียนและผู้สอนสามารถตอบโต้กันได้แบบ “เรียลไทม์” ในราคาเพียง 200 บาทต่อหลักสูตร เจ้าของโครงการเผย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้พ่อแม่-ผู้ปกครองที่ต้องส่งลูกหลานเข้ากรุงเพื่อติวภาษาในช่วงปิดเทอม

นายธัชชัย งามสิทธิวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ดเทค (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทได้รับการจัดสรรเงินสนับสนุนผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม รุ่นประชาชนทั่วไป (Batch 1 ) จากกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ TED Fund เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันการเรียนการสอนภาษอังกฤษแบบสนทนาในโลกเสมือนจริง (Real-time Virtual Conversation on Virtual Reality (VR) Technology) นั้น ขณะนี้บริษัทสามารถพัฒนา VR Application ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด และทดลองใช้ฟรีได้ สำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนในระบบ android

ทั้งนี้ VR Application จะทำงานร่วมกับแว่น VR โดยผู้เรียนจะเข้าเรียนภาษาอังกฤษผ่านสถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริงในมุมมอง 360 องศา และมีวัตถุ 3 มิติ ช่วยในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ศัพท์และโต้ตอบกับวัตถุ และผู้เรียนสามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้ อีกทั้งยังมีระบบการตรวจสอบความถูกต้องของเสียงพูดของผู้เรียน ซึ่งผู้เรียน จะได้รับ Feedback จากระบบแบบเรียลไทม์ ดังนั้นผู้เรียนจึงจะได้รับการฝึกทักษะการฟัง อ่านออกเสียง และจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ รวมทั้งบทสนทนาภาษาอังกฤษกับผู้สอนภายในระบบที่มีสำเนียงเป็นเจ้าของภาษา และ Web Application ที่พัฒนาขึ้น ยังเป็นแบบ UIUX ที่สามารถรองรับการลงทะเบียน การแสดงหลักสูตรการเรียน การชำระเงิน บันทึกการเรียน และติดตามผลการเรียนได้อีกด้วย

“ตอนนี้เราพัฒนา App การเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้แล้วกว่า 10 App และเปิดให้ใช้ฟรี 1 App คือ บทเรียนสำหรับภัตตาคาร ส่วนบทเรียนอื่นๆ ผู้สนใจก็สามารถทดลองดาวน์โหลดออกมาใช้งานได้เช่นกัน จึงอยากให้เด็กนักเรียนโดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัด ที่มีภาระในช่วงปิดเทอมต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อหาสถานที่เรียนภาษาอังกฤษนอกเวลาได้ทดลองใช้ เพราะนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองแล้ว ยังช่วยลดภาระในการเดินทางเข้ากรุงเทพ และลดภาระทางด้านค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกด้วย”

นายธัชชัย กล่าวต่อว่า การเรียนรู้ผ่าน VR Application นั้น ผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะ ทั้งการฟัง การอ่านออกเสียง การจดจำคำศัพท์ และรูปประโยคภาษาอังกฤษตามสถานการณ์จำลองต่างๆ ที่วิจัยและพัฒนาโดยอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่จบทางด้านภาษาศาสตร์จาก MIT (Massachusetts Institute of Technology) ซึ่งระบบการเรียนรู้ที่บริษัทพัฒนาขึ้น จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถจดจำบทเรียน ตลอดจนมีความเข้าใจ และสามารถนำไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ระบบจะติดตามประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองต่อไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องขอบคุณ TED Fund ที่ทำให้บริษัทมีทุนในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นตัวนี้ และทำให้คนไทย รวมทั้งเด็กและเยาวชนไทย เข้าถึงการเรียนภาษาอังกฤษได้ในราคาไม่แพง เนื่องจากการให้บริการแอปพลิเคชั่นของบริษัทนั้น คิดราคาเพียง 200 บาท ต่อ 1 แอปพลิเคชันเท่านั้น