หมูทอดเจ๊จง มีมานานถึง 20 ปี มี 15 สาขา ทั่วประเทศ กว่าจะมาเป็น หมูทอดเจ๊จง ไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านอุปสรรคมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ หรือแม้กระทั่งอยากจบชีวิตตัวเองลง แต่เพราะลูกทำให้ลุกสู้อีกครั้ง จนกลายมาเป็นตัวแม่ในวงการหมูทอดที่หลาย ๆ คนยกให้เป็นไอดอล

“เจ๊จง” จงใจ กิจแสวง เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจว่า ตนติดหนี้ ตอนนั้นขายข้าวแกงบุฟเฟต์ กลับบ้านบ่ายโมง โดยมีความคิดว่ามันใช่หรอ เพราะเราเป็นหนี้ แต่กลับบ้านบ่ายโมง กว่าจะนอนคือ 2 ทุ่ม คือทิ้งเวลาไปแบบไร้ประโยชน์ 7-8 ชั่วโมง เลยมานั่งคิดต่อว่าจะทำอะไรดีต่อจากการขายข้างแกงบุฟเฟต์

“ด้วยความบังเอิญเจ๊ไปซื้อหมูทอดมาให้ลูกกิน เลยฉุดคิดขึ้นมาว่าพรุ่งนี้จะต้องขายหมูทอด ต่อจากการขายข้าวแกงบุฟเฟต์” เจ๊จง กล่าว

เจ๊จง เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการขายหมูทอดวันแรกว่า ตนซื้อหมูมา 8 กิโลกรัม พอลูกค้ามาพบว่าข้าวแกงหมด ตนบอกให้รอก่อน มีหมูทอดมาขายกล่องละ 10 บาท หลังจากนั้นเริ่มขายดีมาเรื่อย ๆ จากลูกค้าที่มากินข้าวแกง ก็เริ่มมากินหมูทอด จนสุดท้ายเลิกขายข้าวแกงเปลี่ยนมาขายหมูทอดในที่สุด

แน่นอนว่าหากพูดถึง “เจ๊จง” หลายคนต้องนึกถึงเมนูหมูทอด โดยเรื่องนี้ “เจ๊จง” บอกว่าการทำกับข้าวไม่มีอะไรเยอะแยะ สูตรหมูทอดของทางร้านมีแค่พริกไทย รากผักชี อยากเค็มก็ใส่เกลือ อยากหวานก็ใส่น้ำตาล แรกๆ ตนไม่รู้ แต่ใช้วิธีการลองไปเรื่อย ๆ จนมาเข้าที่เข้าทาง

เจ๊จงเล่าต่อว่าตนไม่ได้คิดเรื่องต้นทุนหรือกำไรเลย คิดแค่ว่าจ่ายค่าวัตถุดิบ มีเงินเหลือ เนื่องด้วยตนเรียนมาน้อย ไม่รู้กลยุทธ์การทำการตลาด คิดแค่ว่าอยากขายแบบง่าย ๆ คือซื้อมาเท่านี้ อยากขายเท่านี้ แค่นี้พอ

หากจะถามว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง? เจ๊จง ตอบว่าตนไม่รู้ว่าคำว่าปราะสบความสำเร็จเป็นอย่างไร แต่รู้แค่ว่าชีวิตครอบครัวมันดีขึ้น หลาย ๆ คนรู้จุกเจ๊จง รู้สึกดีใจที่กินหมูทอดต้องนึกถึงเจ๊จง และดีใจที่เห็นคนเดินเข้ามาบอกว่าที่เปิดร้านอาหารเพราะมีเจ๊จงเป็นไอดอล

อย่างไรก็ตาม เจ๊จงต้องเผชิญกับอุปสรรคไม่ต่างจากผู้ประกอบการคนอื่น ๆ เจ๊จงให้คำแนะนำว่าเชื่อว่าหลาย ๆ คนกำลังท้อ กำลังมีปัญหากับชีวิต เช่น เป็นหนี้ ไม่มีเงินจ่าย อยากตาย กินเหล้า เสเพล ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าอยู่ในจุดนั้น เวลานั้น หลาย ๆ คนก็อยากจะทำแบบนั้น แต่ถ้าหากผ่านจุดนั้นมาได้เราจะรู้เลยว่ามันเสียเวลาเปล่ากับการที่เราจะไปทำแบบนั้น

“ลองหันกลับมาใหม่ ลุกเร็วก็โตเร็ว ถ้าเรารีบลุกช้า คนอื่นที่ลุกก่อน เขาก็จะไปก่อน”