เคยได้ยินประโยคที่ว่า เมื่อไหร่ที่ของสิ่งไหนเริ่มฮิต นั่นแปลว่าสิ่งนั้นใกล้ถึงเวลาเจ๊ง! กันบ้างไหม?....

แล้วจะทำอย่างไรให้เรารู้เท่าทัน "เทรนด์" ที่มาไวไปไว ยิ่งใกล้สิ้นปีหลายคนเตรียมจะเริ่มลงทุนทำธุรกิจกันในปีใหม่ๆ บางคนเก็บเงินทุนทั้งชีวิตเพื่อลงทุนกับทางที่ใช่ อยากขายอะไรให้อยู่ได้ยืนยาวซึ่งก็แล้วแต่ความชอบ ความถนัดว่ากันไป ซึ่งวันนี้เรามีธุรกิจขาลง ที่ได้รวบรวมไว้เผื่อให้เป็นข้อมูลให้ได้เตรียมความพร้อมหรือดูลู่ทางตลาดให้ดีๆ ก่อนการลงทุนครั้งใหม่ มาฝากกันค่ะ

10 ธุรกิจขาลง-เสี่ยงเจ๊งสูง

1. ร้านกาแฟสด

แน่นอนว่านี่คือธุรกิจดาวเด่นในทุกยุค ทุกสมัย ถ้าจ่อไมค์ถามว่าคุณอยากทำธุรกิจอะไร จะต้องมี "ร้านกาแฟ" เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ  และเพราะใครๆ ก็อยากทำ ทุกวันนี้เราจึงจะได้เห้นร้านกาแฟน้อยใหญ่มากมายเต็มทั้ง 2 ข้างทางไม่นับในห้างสรรพสินค้า ก็จะพบว่า ร้านกาแฟมีให้เลือกแบบร้านชนร้าน ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือ ความเสี่ยง เพราะด้วยพฤติกรรมของคนดื่มกาแฟ สิ่งสำคัญคือรสชาติ และบรรยากาศที่ดี ถ้าคุณมีฝีมือดี มีทำเลทองก็มีโอกาสรอด แต่ถ้ามือใหม่รสไม่นิ่ง รสไม่ซ้ำเพราะจำสูตรไม่ได้ บอกได้เลยว่าเหนื่อย....ขาดลูกค้าประจำที่จะหล่อเลี้ยงยอดขายให้ไปรอด ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายภายในร้านที่คิดบัญชีทีไรต้องก่ายหน้าผากทุกที ไหนจะค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ บางคนนั่นนานเพราะร้านมีไวไฟ ก็อาศัยทำงานเพลินๆ จนเจ้าของร้านแทบไม่คุ้มกับค่าไฟ จะไม่มีก็ไม่ได้เพราะต้องอาศัยสร้างการรับรู้โดยการเช็คอินว่าร้านนี้ กาแฟดี เน็ตไว...เมื่อมันไม่ไหว จึงต้องตัดใจ เซ้งกิจการ....

2. ร้านขนมหวาน, ไอศกรีม

ร้านตกแต่งสวยหวาน เกินห้ามใจ ถ่ายรูปมุมไหนก็ดูเป๊ะปังในโลกออนไลน์ แถมยังไม่พลาดในการเติมเมนูใหม่ๆ อัปเดทตลอดเวลา แต่ทำไม..ไม่รอด 

เพราะร้านสวย เมนูน่าทาน แต่รสชาติก็จำเป็น บางคนตามรีวิวมาเพราะความน่ารับประทานของขนมหรือไอศกรีมในร้าน แต่ก็พอได้กินแค่เช็คอิน จะดีกว่า เรื่องของขนมหวานต่อให้รสชาติถูกปากมากแค่ไหน แต่กินมากไปก็เลี่ยน โดยเฉพาะเทรนด์รักสุขภาพมาแรง แม้จะอร่อยแค่ไหน กินไปก็แอบหวั่นแคลอรี่ที่จะได้รับไปด้วย หลายๆ คนเมื่อถ่ายรูปสมใจได้ยอดไลก์ยอดแชร์ ก็เปลี่ยนร้านใหม่ไม่กลับมาซ้ำ ทำให้ไม่ค่อยมีลูกค้าประจำ อีกทั้งฤดูกาลสำคัญอย่างยิ่ง อากาศร้อนๆ อาจจะขายดี แต่พออากาศเริ่มเย็น ของหวานๆ เย็นๆ จึงไม่ค่อยได้รับความนิยม ร้านขนมหวาน, ไอศกรีมจึงต้องปิดตัวไปหลายรายแล้วเช่นเดียวกัน

3. รีสอร์ท, โฮสเทล

อีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรง ไปไว ใจไม่นิ่งอย่าเสี่ยง เพราะที่พักอาศัยการตลาดแบบปากต่อปากเป็นสำคัญ หากคุณไม่ค่อยได้ทำการตลาด ก็อาจจะเอาไม่อยู่ ที่พักเกิดขึ้นมากมายเป็นดอกเห็ด ไม่ใช่คำพูดเกินจริงแต่อย่างใด ฉะนั้นจะอยู่ได้ ที่พักของคุณต้องมีปัจจัยประกอบที่ขาดไม่ได้ เช่น ทำเลดี เดินทางสะดวก, ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ, พนักงานบริการดีเยี่ยมถึงเยี่ยมมาก, ห้องพักสะอาด ครบครันทุกความต้องการเป็นต้น

หากที่พักของคุณมีทุกอย่างที่ว่ามา ก็อาจจะต้องหมั่นหาช่องทางการตลาดอื่นๆ มาเป็นตัวช่วย เพราะการมีสินค้าอยู่กับที่ จะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้ว่ามีที่พักปักหมุดอยู่ตรงนี้ รออยู่ ซึ่งทั้งการทำตลาด ทั้งการหาพนักงานที่บริการถูกใจ หมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงแทบทั้งสิ้น ถ้าไม่ได้ลูกค้ามาพักตามเป้าหมาย ก็ต้องตัดใจ ปิดป้ายเจ๊ง! 

4. ร้านเกม, อินเตอร์เน็ตคาเฟ่

เกมยุคนี้ มีในสมาร์ทโฟนได้แทบทั้งนั้น แค่เพียงดาวน์โหลดลงเครื่องไว้ จะนัดกันมาตีป้อมเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องเข้าร้านเกมให้เสียเวลา จะหางานทำเข้าจ๊อบไทย หรือจ๊อบไหนๆ ก็ใช้มือถือทำได้แทบทุกอย่าง แถมราคาจ่ายรายเดือนของค่าอินเตอร์เนตสมัยนี้ไม่มีผลกระทบต่อขนหน้าแข้งเด็กไทยแม้แต่น้อย ยิ่งบางคนที่บ้านติดเน็ตบ้านเล่นทั้งวันทั้งคืนยังชิวได้เพราะเหมาจ่ายรายเดือน ร้านเกม ร้านเนตจึงเป็นเทรนด์ที่ถูกลืม และค่อยๆ หายไปในที่สุด

5. ร้านของชำ

ทำเลดีแค่ไหน ก็แพ้ภัยให้ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดัง จริงอยู่ว่าข้อดีของโชห่วยไทย มีหลายข้อที่สะดวกซื้อแบรนด์ใหญ่ๆ ไม่มี เช่นแปะโป้งไว้ได้ มีของที่แบ่งขายให้เฉพาะลูกค้าประจำ สนิทสนมคุ้นเคยกัน เป็นต้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของคนชอบความสะดวกสบายซืี้อของได้ 24 ชั่วโมงลดลงแม้แต่น้อย หากเราเคยเป็นสิงห์เจ้าถิ่น วันหนึ่งร้านสะดวกซื้อขยับขยายมาย่างกราย ยังไงก็สะเทือนยอดขายที่เคยมี บางรายอยู่ไม่ไหวก็เจ๊ง...ไปตามระเบียบ

6. ร้านอาหาร

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่เห็นด้วยตามาก็เยอะ ร้านอาหาร, ร้านอาหารตามสั่ง, ร้านก๋วยเตี๋ยว มีเปอร์เซ็นต์ของการเจ๊ง สูงมาก ไม่ว่าจะไซส์เล็กไซส์ใหญ่ ผู้ประกอบการ แม่ค้า พ่อค้า ล้วนแต่บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ขายไม่ดี ไม่ค่อยมีกำไรเหลือ ทำมาแล้วขายไม่หมด ด้วยหลายๆ เหตุผลที่มากบ้าง น้อยบ้าง แต่หลักๆ หนีไม่พ้นคนกินอาหารนอกบ้านกันน้อยลง ข้าวกล่องสำเร็จรูปสะดวก แกะ อุ่นพร้อมทาน บริการส่งฟรี จึงไม่ค่อยมีคนวอร์ค-อินมาร้านอาหารกันเหมือนเคย 

7. ร้านถ่ายรูป

แอปพลิเคชันยุคนี้ มีความฟรุ้งฟริ้ง เปลี่ยนคนธรรมดาเป็นดารามาแล้วก็เยอะ จากเดิมทีที่คนอยากสวยต้องแต่งหน้าทำผมเข้าร้านถ่ายรูปเพื่อความคูล แต่คนยุคใหม่ ถ่ายยังไงก็ได้แล้วใช้แอปฯ สารพัดตกแต่ง ก็สวยได้ไม่แพ้กัน แม้แต่ภาพถ่ายติดบัตรยุคนี้ก็ยังปริ้นท์เองได้ง่ายๆ ไม่ต้องอาศัยร้านถ่ายรูป ไม่ว่าจะ 1 นิ้ว, 2 นิ้ว ใส่สูท ผูกไทค์ หรือชุดอะไรก็มีเทคโนโลยีมาช่วยได้ ร้านถ่ายรูปจึงต้องบ๊าย..บายกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจฮิตเจ๊ง! 

8. ร้านชาบู

ใครๆ ก็ขายชาบู ขายกันมากมายจนร้านชาบูมีมากกว่าลูกค้า ทำให้ความฟีเวอร์ กลายเป็นโอเวอร์ซัพพลายด์ จากขายอาหารอยู่ๆ ไป กลายเป็นขายกิจการทิ้งก็มาก เพราะกระแสรักสุขภาพที่มาแรง คนแห่รับประทานชาบูแทนปิ้งย่าง แต่เมื่อกระแสล้น ทำให้ร้านชาบูไม่ใช่ร้านคูลๆ อีกต่อไป อีกทั้งคนหันมารัดเข็มขัด ประหยัดค่าอาหาร ทำให้ร้านรอเก้อ ไหนจะวัตถุดิบมหาศาลในแต่ละวันที่เจ้าของร้านต้องจัดเตรียม ค่าแรง ค่าพนักงาน ค่าเครื่องดื่ม ค่าไฟ ค่าแอร์ เมื่อรอลูกค้าเต็มร้านไม่ไหว กลายเป็นอยู่ไม่ได้ไปอีกหนึ่งธุรกิจ  

9. ร้านเสริมสวย

อีกหนึ่งธุรกิจ เสี่ยงเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะความสวยยุคนี้ใกล้แค่เอื้อม คลิปจากดารา อินฟลูเอนเซอร์มากหน้าหลายตาที่พากันมาแนะนำความสวยแบบง่ายๆ ทำเองได้ไม่ต้องยุ่งยาก ทำให้คนเลิกฮิตการเข้าร้านเสริมสวยไปซะเฉยๆ ยิ่งคนสมัยใหม่จะอาศัยเทรนด์จากการรีวิว มีเครื่องม้วนผม 1 อันก็ทำให้พันกว่าทรง จะเกลียวเล็ก เกลียวน้อย ลอนใหญ่สไตล์เกาหลีก็มีให้หมด แถมประหยัดเงินในกระเป๋า เจ้าของร้านเสริมสวยหลายจึงต้องแพ็คกระเป๋าอำลา บอกเลิกลูกจ้าง ค่าใช้จ่ายร้อยแปด เตรียมเจ๊ง! เพราะคนยุคใหม่เน้นสวย แต่ประหยัดนั่นเอง 

10.ร้านชิลล์เอาท์

ร้านที่คนเคยชิลต้องเช็คบิลตัวเองก่อนเข้าร้าน จากคนอู้ฟู่ ฟุ่มเฟือย กลายเป็นเหนื่อยใจกับพิษภัยเศรษฐกิจ จนร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮลล์หมดความจำเป็น ไปได้ก็อาจจะแค่นานๆ ที เพราะมีรายจ่ายรออยู่ ส่วนของเจ้าของร้านเองก็อาจจะเจ็บหนักเพราะคนอยากทำเยอะ แต่คนที่ประสบความสำเร็จมีน้อย ไหนจะเพราะแผนธุรกิจไม่ดี วางระบบไม่เป๊ะ จากที่คิดว่าสำเร็จ ไม่เกิน 2-3 ปี ก็เริ่มไม่ไหว ด้วยธรรมชาติของนักดื่มมักจะเที่ยวแหล่งบันเทิงร้านเดิมไม่เกิน 3 ครั้ง ก็เปลี่ยนที่ใหม่ไปเรื่อยๆ พอลูกค้าหดหาย ก็ได้เวลาขึ้นป้าย เซ้ง! รอรายใหม่มารับช่วงต่อ

เพราะอะไรก็ตามที่ถูกทำตามๆ กันจนแพร่หลาย กลายเป็นกระแสที่มาแรงแต่ไปเร็ว จากเคยได้รับความนิยมเพราะหายาก ใครได้มาถือว่าเท่ เมื่อผ่านไปไม่นานหันไปทางไหนก็มีให้เลือกหาอย่างมากมายภายใต้วงเวียน ฮิต - เลียนแบบ - ก๊อบเกรดเอ, บี, ซี - ตัดราคา จนกลายเป็นของ "ไม่มีคุณค่า" และถูกมองข้ามไปจนกลายเป็นเทรนด์ตกรุ่นและต้องปิดกิจการไปในที่สุด เรียกสั้นๆ ง่ายๆ ว่าเจ๊ง...นั่นเอง