วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2567

6 คุณสมบัติพนักงานตัวร้าย สร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานไม่จบสิ้น

by Smart SME, 20 มกราคม 2563

การทำงานในแต่ละสถานที่ก็มักจะมีกฎ ระเบียบ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกันออกไป บางที่ต้องการความเงียบ บางที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ แต่สิ่งที่จะทำให้การทำงานของคนในองค์กรนั้น ๆ ขาดประสิทธิภาพไป นอกจากเรื่องของอุปกรณ์ความพร้อมที่ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมไว้ให้แล้ว การมีพนักงานที่เป็นเหมือนมะเร็งร้ายร่วมงานอยู่ด้วยทุกวันก็ส่งผลให้เกิดการบั่นทอนจิตใจไม่ต่างกัน

คุณเองในฐานะผู้ประกอบการจะต้องใส่ใจในคุณสมบัติของพนักงานให้มากเข้าไว้ เพราะถึงจะไม่มีพนักงานคนไหนกล้ามาฟ้องข้อเสียของเพื่อนตัวเองกับคุณตรงๆ คุณก็ต้องรับรู้มันได้ให้ไวที่สุด เพื่อจะตัดเนื้อร้ายนั้นทิ้งไป และเหลือแต่บุคคลคุณภาพให้กับองค์กรของคุณ และนี่คือ 6 นิสัยเสียของพนักงานที่คุณควรเอาออกห่างออฟฟิศให้มากที่สุด

6 นิสัยเสียของพนักงาน ที่ไม่ควรมีไว้ในองค์กรคุณ

1. ไม่มีมารยาท

มารยาทเป็นเรื่องที่ต้องถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวขอโทษเมื่อตัวเองทำผิด การใช้คำพูดกับบุคคลต่าง ๆ การขอให้ช่วยงาน การฝากงาน หรือการทำอะไรต่าง ๆ ที่มันส่งผลกระทบต่อคนอื่น โดยเฉพาะกับการทำงานที่ต้องประสานงานกับคนหมู่มากยิ่งแล้วใหญ่ เพราะต้องมีการพูดคุยติดต่อกันตลอดเวลา ถ้ามีคนไร้มารยาทอยู่ในองค์กร เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จะรู้สึกว่ามีภาระเพิ่มขึ้นทันที เป็นสิ่งที่คุณต้องจัดการโดยไวที่สุด

2. ไม่มีความรับผิดชอบ

นิสัยการไร้ความรับผิดชอบแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีในการทำงานเด็ดขาด เพราะนั่นหมายความว่า งานที่คุณมอบหมายให้ไป ก็มีแนวโน้มที่จะไม่เสร็จ หรือทำออกมาไม่ดี ซึ่งการทำงานมันคือชีวิตจริง ที่ไม่ควรให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นมาทำลายสิ่งที่คุณวางแผนไว้ ตรงนี้คุณอาจรู้ได้ทันทีว่าพนักงานคนไหนไร้ความรับผิดชอบ จากการมอบหมาย หรือผลงานที่ผ่านมา ซึ่งมันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับตัวเขาเอง แต่มันกระทบต่อองค์กรของคุณทั้งองค์กร เป็นเนื้อร้ายที่ไม่ควรมีไว้มากที่สุด

3. ชอบนินทาคนอื่น

เป็นสิ่งที่แทบจะอยู่คู่กับทุกออฟฟิศ ทุกบริษัทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับการจับกลุ่มนินทา ซึ่งส่วนใหญ่มันจะเริ่มต้นจากคนคนหนึ่งที่มักจะชอบเปิดประเด็นชวนคนอื่นนินทาอีกคนอยู่เสมอ และก่อให้เกิดการเมืองภายใน คนนั้นไม่ชอบคนนี้ คนนี้ไม่ชอบคนนั้น เป็นเหตุให้พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีความสุขในการทำงาน และอยากจะลาออก ถึงแม้คุณจะดูแลพวกเขาดีแค่ไหนก็ตาม เป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่คุณแทบจะไม่มีวันรู้เด็ดขาด ถ้าคุณไม่แอคชั่นกับมันอย่างจริงจัง

4. รบกวนคนอื่นเวลาทำงาน

ไม่ว่าจะเป็นการคลิกเมาส์ การร้องเพลง การเปิดเพลงเสียงดัง หรือแม้แต่การคุยโทรศัพท์กับลูกค้า ถ้ามันเป็นการทำให้รบกวนชาวบ้าน หรือพนักงานคนอื่น ๆ เวลาทำงานล่ะก็ คุณต้องเรียกคุยกับพวกเขาอย่างจริงจังถึงนิสัยส่วนตัวเหล่านั้น บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองชอบนั่งสั่นขา บางคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองชอบพูดมาก นิสัยเหล่านี้ต้องมีคนพูดบอกกล่าวกับเขาตรง ๆ ถึงจะเข้าใจ เพราะแม้มันจะเป็นพฤติกรรมเล็กน้อยแค่ไหน แต่ถ้ามันรบกวนสมาธิการทำงานของคนอื่นได้ มันก็ไม่เป็นผลดีกับองค์กรของคุณเช่นกัน

5. ไม่ตรงต่อเวลา

การไม่ตรงต่อเวลามันมาคู่กับความรับผิดชอบ ซึ่งถ้าพนักงานคนไหนไม่สามารถทำงานได้ทันเดดไลน์ ไม่สามารถรักษาเวลาต่าง ๆ ไว้ได้ ทั้งการประชุม การนัดลูกค้า การมาทำงาน หรือมีนิสัยเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจว่าคนอื่นจะวางแผนไว้ยังไง พนักงานคนนั้นก็ไม่ควรจะได้รับการปฏิบัติที่ดีจากคุณเช่นกัน ควรว่ากล่าว ตักเตือน และถือสิ่งนี้เป็นคำขาด เพราะสุดท้ายคุณเองต่างหากที่จะสูญเสียมากมายกับการกระทำไม่ตรงต่อเวลาที่ใครหลายคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องนิดเดียว

6. หาข้อแก้ตัวอยู่เสมอ

นิสัยเสียอย่างสุดท้ายที่ไม่สามารถยอมรับได้ในการทำงานคือ พนักงานที่ชอบมองหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ หรือเรื่องไหน ๆ ก็ตาม เพราะคนแบบนี้จะไม่เคยยอมรับความผิดที่ตัวเองทำไว้ มองไม่เห็นว่าตัวเองต้องแก้ไข ปรับปรุงอะไร ทำให้ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้จริง ๆ สักที เป็นทั้งภาระให้เพื่อนร่วมงาน และกับตัวคุณ

จะรู้ได้ยังไงว่าพนักงานคนไหนเป็นยังไง การประชุมทุกเดือนช่วยคุณได้

สุดท้ายแล้ว คุณเองในฐานะผู้ประกอบการหรือหัวหน้า ก็ต้องมีเส้นแบ่งแยกระหว่างคุณกับลูกน้อง ทำให้ไม่สามารถรับรู้นิสัยหรือความประพฤติเสียของพนักงานคนหนึ่งได้อย่างเต็มที่ แต่คนที่จะรู้ดีที่สุดก็คือ พนักงานในองค์กรของคุณนั่นเอง เขาจะรู้ว่าเพื่อนเขาคนไหนเป็นยังไง นี่แหละเป็นจุดที่คุณต้องใช้ในการเก็บข้อมูลของแต่ละคน

มีบริษัทมากมายที่ใช้วิธีการเรียกคุยตัวต่อตัวกับพนักงานทุกเดือน หรือทุก ๆ 3 เดือน เพื่อให้พนักงานให้อัปเดตความเป็นไปในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายต่อไปในชีวิต สิ่งที่อยากให้บริษัททำเพิ่มเติม รวมถึงข้อเสียของแต่ละคน และปัญหาในองค์กร

การประชุมแบบนี้คุณต้องทำให้พนักงานเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่การขายเพื่อน แต่มันเป็นการช่วยให้พนักงานเบาแรงในการทำงานมากขึ้น เพราะบางอย่างเพื่อนร่วมงานอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดจริง และกำลังกระทบเป็นภาระให้คนอื่นอยู่ การที่เขาได้เข้ามาบอกให้คุณได้รับรู้นั่นหมายความว่าเขากำลังช่วยเหลือองค์กร และช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
เมื่อคุณได้เปิดใจคุยกับพนักงานทุกคนอยู่เป็นประจำทุกเดือน หรือทุกไตรมาส ตามกำหนดการที่วางไว้ มันจะทำให้พนักงานที่ไม่พอใจรู้สึกว่าตัวเองมีแรงจูงใจในการทำงาน เพราะเขารู้ว่าเรื่องแย่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะได้รับการแก้ไขเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องทนกับมันไปตลอด แต่เขาแค่ต้องรอให้ถึงการเรียกคุยตัวต่อตัวกับคุณครั้งต่อไปเท่านั้น ปัญหาทุกอย่างก็จะได้รับการรับรู้ นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่จูงใจไม่ให้พนักงานที่ดีหนีลาออกไปกลางคัน เพียงเพราะพนักงานคนหนึ่งทำตัวแย่


Mostview

4 สิ่งของคนเลี้ยงลูกประสบความสำเร็จไม่เคยสอนตอนเมื่อลูกยังเล็ก

ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักสำคัญในการสั่งสอนลูกว่าจะเป็นคนอย่างไร โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินว่าควรทำอย่างไรกับลูกของเรา และเรื่องไหนที่ไม่ควรทำกับลูกของเรา

เศรษฐกิจไม่ดี! KFC-Pizza Hut ในจีน ดึงกลยุทธ์สุดฤทธิ์เรียกลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด

Yum China Holdings เจ้าของ KFC และ Pizza Hut เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในจีน วางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่ที่ยังไม่เคยเปิด โดยใช้กลยุทธ์ขายเมนูในราคาต่ำเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในจำนวนมาก

แม็คโคร-โลตัส ไตรมาสแรกปี 2567 ทำรายได้รวม 127,020 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/67 พบว่ามียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน

เกษตรกรเวียดนามไม่ทนหันปลูกทุเรียนส่งออกจีนแทนปลูกกาแฟที่ขาดแคลน แถมราคาถูกกว่า

ราคากาแฟโรบัสต้าทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุด กำลังต่อสู้กับภัยแล้ง รวมถึงเกษตรกรได้เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนแทน

CARS24 ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองยุติดำเนินกิจการในไทยอย่างเป็นทางการ

CARS24 ธุรกิจซื้อ-ขาย-เทิร์น รถยนต์มือสอง ได้ยุติกิจการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยในแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า

SmartSME Line