ไต้หวันถือเป็นประเทศที่ประชากรนิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยตัวเลขในปี 2020 ไต้หวันมีมอเตอร์ไซค์สกูตเตอร์ประมาณ 14 ล้านคัน ถ้าเทียบกับจำนวนประชากรประมาณ 23.5 ล้านคันก็ถือว่าสูงมาก คิดเป็นจำนวนความหนาแน่นถึง 389 คันต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร

แน่นอนว่ารถส่วนใหญ่ในไต้หวันยังคงเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งทางรัฐบาลเองก็มีนโยบายที่จะเปลี่ยนให้คนไต้หวันโดยเฉพาะที่อาศัยในเมืองใหญ่หันมาใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะในปัจจุบันการใช้รถจักรยานยนต์อย่างแพร่หลายทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ

.

.

เป้าหมายของทางรัฐบาลก็คือ ต้องการให้รถมอเตอร์ไซค์น้ำมันหมดไปจากประเทศภายในปี 2035 ดังนั้นทางภาครัฐจึงออกมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจมามากมาย เช่นการลดภาษี การใช้เงินอุดหนุนเพื่อให้รสสกูตเตอร์ไฟฟ้ามีราคาถูกลง เพื่อให้คนหันมาซื้อรถมาใช้สกูตเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้น

แต่รถไฟฟ้าเองก็มีจุดอ่อนตรงที่ต้องชาร์จพลังงานไฟฟ้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ซึ่งในระหว่างนั้นจะไม่สามารถใช้งานรถได้ ซึ่งเป็น Pain Point ที่สำคัญของผู้ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบัน เพราะหากจะใช้ศักยภาพรถที่มีออฟชั่นเสริมชาร์ทไฟเร็ว ต้นทุนในการผลิตก็จะสูงขึ้นไปตามลำดับ 

จนกระทั้งทางรัฐบาลและภาคเอกชนได้ร่วมมือกันเพื่อ Twist ไอเดียการชาร์จไฟของสกูตเตอร์ไฟฟ้าใหม่ คือ แทนที่จะเร่งสร้างสถานีชาร์จเพียงอย่างเดียว ก็หันมาใช้วิธีการพัฒนารถสกูตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ให้สามารถ “ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่” ได้เองแบบง่ายๆ และไม่ต้องจอดรถเพื่อชาร์จไฟ โดยมีแบรนด์ผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่าง Gogoro เป็นหัวหอกในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้งานในไต้หวันได้อย่างมหาศาล

ความสำเร็จของ Gogoro ในช่วงที่ผ่านมานี้ทำให้ Gogoro กลายเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นรายแรกของไต้หวัน และเป็นผู้เล่นในบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่โดดเด่นที่สุดในไต้หวัน

ปัจจุบัน Gogoro มีสมาชิก Gogoro Network ที่ใช้บริการการสลับแบตเตอรี่รายเดือนมากกว่า 400,000 ราย มีการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่มากกว่า 200 ล้านครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวบริการนี้ในปี 2014 จากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ Gogoro ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก CO2 (คาร์บอนไดออกไซด์) ลงได้มากกว่า 300 ล้านกิโลกรัมแล้ว ซึ่งเท่ากับมีต้นไม้ 30 ล้านต้นดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในหนึ่งปี