รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV กลายเป็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงนี้ อาจจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อก่อน และไม่มีทีท่าที่จะปรับลดลงกลับมาอยู่ในราคาแบบเมื่อก่อน จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของทางออกปัญหานี้

ไม่เพียงเท่านั้น ภาครัฐฯ ยังมีมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าผ่านเงินอุดหนุน จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในประเทศจะมาราคาลดลงจากราคาจริงที่นำเข้ามา ปัจจัยเหล่านี้เมื่อนำมารวมกันจึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่ดึงดูดของผู้คนเป็นอย่างมากทั้งข้อดีในเรื่องการใช้งานที่มีความประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงในเรื่องราคาที่ไม่สูงเกินไป

ที่ผ่านมาเราเห็นแต่ด้านบวกของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเป็นประโยชน์อย่างไรกับผู้ขับขี่ แต่อีกด้านหนึ่งผู้ใดมีความต้องการ หรือมีแผนอยากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจริง ๆ ก็ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของการดูแล เพราะรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีความแตกต่างจากรถยนต์เชื้อเพลิงที่ใช้อยู่พอสมควร

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ หากเป็นรถยนต์แบบเชื้อเพลิง พลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนก็คือน้ำมัน เมื่อหมดก็ต้องขับไปเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องมีพื้นที่สำหรับติดตั้ง Wall charge ในบริเวณที่พักอาศัย ดังนั้น ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าบ้านที่อาศัยอยู่นั้นมีระบบเบรกเกอร์ คัทเอาท์ที่เข้ากับที่ชาร์จหรือไม่ รวมถึงคนที่อยู่คอนโดที่ต้องคิดให้ดี เพราะความเป็นสถานที่ที่คนอยู่รวมกัน ดังนั้น พื้นที่ติดตั้ง Wall charge แบบส่วนตัวคงไม่มี เว้นแต่ว่าทางคอนโดจะมีบริการให้ ซึ่งอาจจะเป็นการใช้แบบส่วนรวม

อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบดูแล้วว่าระบบไฟฟ้าที่บ้านยังไม่รองรับรถยนต์ไฟฟ้าสามารถติดตั้งระบบสายเมนวงจรที่สำหรับ EV Charger โดยแจ้งไปที่การไฟฟ้านครหลวงที่มีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า อนุโลมให้ผู้ใช้ไฟฟ้าเดิมที่ขอติดตั้ง EV Charger เพิ่มจากโหลดการใช้ไฟฟ้าเดิม และขอเพิ่มขนาดมิเตอร์ สามารถติดตั้งสายเมนวงจรที่สองสำหรับ EV Charger โดยเฉพาะได้ และพิกัดกระแสไฟฟ้าของ Main CB รวมทั้งสองวงจรต้องไม่เกินพิกัดสูงสุดของเครื่องป้องกันกระแสเกินตามขนาดมิเตอร์ที่ระบุ

นอกจากนี้ ด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องใหม่ ทำให้เรื่องที่ต้องนึกถึงไว้เลยในวันข้างหน้า หากรถเกิดมีปัญหา หรือต้องตรวจสภาพ มีศูนย์ให้บริการเพียงพอหรือไม่ ตลอดจนเรื่องของอะไหล่ของรถมีสำรองหรือไม่หากเกิดกรณีต้องเปลี่ยนจริง ๆ

อีกทั้ง เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม คือสถานีชาร์จไฟสาธารณะ โดยเฉพาะการเดินทางไกลข้ามจังหวัด เพราะต้องไม่ลืมว่าสถานีชาร์จไฟสาธารณะไม่มีได้ทุกที่เมื่อเปรียบเทียบกับสถานีบริการน้ำมัน ดังนั้น การเดินทางแต่ละครั้งควรตรวจสอบให้ดีว่าเส้นทางที่ไปนั้นมีสถานีชาร์จไฟหรือไม่ พร้อมกับประเมินระยะทางว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะวิ่งได้ไกลแค่ไหน และต้องไม่ลืมว่ารถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟไม่เหมือนกับการเติมน้ำมัน แม้จะมีการปรับปรุงให้เร็วขึ้นแล้วก็ตาม ดังนั้น เรื่องของเวลาต้องเผื่อเอาไว้เลย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นเทรนด์ที่เข้ามาแทนที่รถยนต์เชื้อเพลิง โดยผู้คิดจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าควรเตรียมความพร้อม ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดี เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง