วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2567

จีนประเทศแห่งการดื่มชา แต่ปัจจุบันมีร้านกาแฟมากที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐฯ

by Anirut.j, 26 ธันวาคม 2566

รู้หรือไม่ว่าจีนแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นอันดับ 1 ประเทศที่มีร้านกาแฟมากที่สุดในโลก

ตามรายงานการเก็บข้อมูลของ World Coffee Portal ระบุว่าจำนวนร้านกาแฟในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของจีน ประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เพิ่มขึ้น 58% จนมีสาขามากถึง 49,691 แห่ง แม้ว่าสตาร์บัคส์จะเปิดสาขาถึง 785 แห่ง ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ Luckin Coffee สตาร์ทอัพกาแฟจากจีนที่มีเรื่องอื้อฉาวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นเชนร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดมีสาขามากกว่า 13,000 แห่ง

“ผู้บริโภคกาแฟชาวจีนมากกว่า 90% นิยมดื่มกาแฟร้อนทุกสัปดาห์ ขณะที่ 64% ดื่มกาแฟเย็นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และผู้บริโภคเกือบ 90% ที่ทำแบบสำรวจ จะเดินทางหรือสั่งอาหารจากร้านกาแฟอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง”

กล่าวได้ว่า จีนกลายเป็นมหาอำนาจของอุตสาหกรรมกาแฟระดับที่ทรงอิทธิพล แม้ว่าต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เมื่อต้นปี สตาร์บัคส์ ทุ่มเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างวิทยาเขตแห่งใหม่ทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ และเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน โดยการลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาเพื่อตั้งศูนย์ผลิต และจำหน่ายกาแฟนอกประเทศ ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในประเทศขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญที่สุดของสตาร์บัคส์มาเป็นระยะเวลายาวนาน

อย่างไรก็ตาม Laxman Narasimhan กล่าวว่าบริษัทยังคนอยู่ในช่วงแรกในประเทศจีน โดยสังเกตว่าการบริโภคกาแฟในประเทศที่ชอบดื่มชายังมีอัตราค่อนข้างต่ำ ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะขยายสาขาให้ได้ 9,000 แห่งในปี 2025

ที่มา: CNN

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line