วันศุกร์, เมษายน 26, 2567

มิลเลนเนียล ทำไมไม่ใช้เงินสด (Lost in Transaction:1)

by Smart SME, 6 ตุลาคม 2560

Paysafe ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับทัศนคติของผู้บริโภคต่อเงินสดทั้งกลุ่ม มิลเลนเนียล และอื่นๆ โดยสังเกตจากวิธีการจ่ายเงินของผู้บริโภคกว่าสามพันรายทั่วสหรัฐฯ อังกฤษและแคนาดา ทำให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติของกลุ่ม มิลเลนเนียล ที่มีต่อเงินสด และการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้เงิน ซึ่งเป็นสาเหตสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดมากขึ้น Paysafe ได้ระบุการศึกษาเรื่องนี้ไว้ในรายงานเรื่อง Lost in Transaction ว่าการเคลื่อนตัวเข้าสู่ระบบ mobile first ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงขึ้นมากมาย ซึ่งผู้บริโภคกว่า 54% คาดหวังที่จะใช้จ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัลในอีกสองปีข้างหน้า โดยเฉลี่ยแล้วผู้บริโภคสหรัฐฯมีเงินสดที่เป็นธนบัตรและเหรียญอยู่ในกระเป๋าสตางค์เพียง 50 เหรียญฯแต่ก็ยังมากกว่าในแคนาดา ส่วนผู้บริโภคที่ใช้ ATM เป็นประจำทุกเดือนมีจำนวนเกินครึ่งเพียงเล็กน้อย และการยอมรับรูปแบบ mobile wallets มีโอกาสสูงแค่ 1 ใน 3 สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามว่า อะไรคือจุดเปลี่ยนที่สามารถย้ายผู้คนออกจากการจ่ายเงินสด สู่ทางเลือกอื่นๆ ซึ่งคำตอบที่ได้จะช่วยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในวงการค้าปลีก โดย Joseph Daly, COO ของ Paysafe Payments Processing มองว่าในตลาดสหรัฐฯควรโฟกัสไปที่ 3 ภาคส่วนของตลาดการค้า

ส่วนแรกคือกลุ่ม มิลเลนเนียล (millennials)

ซึ่งคนกลุ่ม มิลเลนเนียลมองว่าการ์ดไม่ได้เป็น เครดิตการ์ดอีกต่อไป แต่มันแค่นำไปสู่เครดิตต่างๆผ่านทางเครื่องมือต่างๆที่เคลื่อนที่ไปด้วยได้ตลอดเวลา (mobile devices) Mobile ยังคงเป็นช่องทางหลักของผู้คนใช้ซื้อสินค้าผ่าน Amazon และ e-marketplace อื่นๆ ดังนั้น Walmart จึงนำเสนอการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วในสองวัน ด้าน Amazon ก็ทำให้การส่งสินค้าเร็วขึ้น ด้วยการจัดส่งถึงมือผู้ซื้อในวันเดียวกับที่สั่ง หรือแม้แต่ผู้บริโภคที่อายุน้อยก็สามารถรับประสบการณ์นี้ได้ เมื่อใช้ debit card หรือ prepaid card สั่งซื้อวีดิโอเกมส์ สิ่งเหล่านี้เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการได้รับประสบการณ์ในการซื้อสินค้าอย่างรวดเร็ว เพราะผู้สั่งซื้อมองว่า “การซื้อของพวกเขา ถือเป็นบุญคุณกับผู้ค้า” ซึ่งเป็นความคาดหวังที่เคยได้รับเมื่อครั้งเข้าไปซื้อสินค้าในร้าน

ส่วนที่สองคือผู้บริโภคที่อายุมากขึ้น

ซึ่งมีทัศนคติที่ตรงข้ามกัน เพราะมองว่าการ์ดคือความสะดวก เงินสดคือความรู้สึกสบายใจ โดยจะใช้เครดิตการ์ดกับของที่มีราคาแพง และจะใช้เดบิตการ์ดซื้อของเล็กๆน้อยๆ

สุดท้ายคือกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงซื้อสัตย์ต่อเงินสด

มักเป็นกลุ่มที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือมีเงินในบัญชีน้อย ฉะนั้นเงินสดจึงเป็นสิ่งที่สร้างอิสรภาพการใช้จ่ายของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน debit card ก็กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น การแบ่งแยกแบบตามกลุ่มอายุกำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากเกิดทางเลือกที่เป็น cashless การใช้การด์จึงเพิ่มขึ้นเพราะมีระบบการจ่ายบิลต่างๆทางระบบออนไลน์และความต้องการรับรางวัลตอบแทน ที่มาจากการใช้เครดิตการ์ด การศึกษายังพบอีกว่า การที่ธุรกิจค้าปลีกได้เสนอรางวัลให้แก่ลูกค้าที่ใช้เครดิตการ์ด สิ่งนี้จึงไปปิดเส้นทางการใช้เงินสด และเปิดเส้นทางการใช้การ์ด นั่นเพราะข้อมูลลูกค้าจะถูกเก็บได้จากการ์ดที่ใช้ พร้อมกับการใช้โทรศัพท์และการท่องเว็บเพื่อเข้าไปดูข้อมูลสินค้า ซึ่งถือเป็นการเปิดช่องทางให้โฆษณาสามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ทั้งนี้ ร้านค้าปลีกบางร้านยังสร้าง mobile wallets ของตนเองขึ้นมา เพื่อติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง และกระตุ้นการบริโภคด้วยการเข้าไปมีบทบาทกับชีวิตของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

สนองความต้องการ มิลเลนเนียล

ทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อเงินสดนี้ ทำให้ธนาคารหลายแห่งต้องสร้างกลยุทธ์ใหม่ของ ATM เช่น ธนาคาร Chase ได้ลดจำนวนพนักงานหน้าเคาเตอร์ให้เหลือเพียงแค่คนเดียว เพื่อช่วยลูกค้าให้ทำธุรกรรมการเงินผ่านเครื่องอัตโนมัติของธนาคาร การเคลื่อนตัวออกจากเงินสดและการเข้าสู่ผู้บริโภคที่ใช้การ์ด อาจจะทำให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในเรื่องของ Biometrics (คือ วิธีการใช้ข้อมูลทางชีวภาพ มาใช้ในการตรวจสิทธิหรือแสดงตน เช่น ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ เสียง ม่านตา เรตินา ใบหน้า ดีเอ็นเอ ลายเซ็น) เพราะกรณี Equifax ถูกขโมยข้อมูลก็ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ปลอดภัย กับระบบต่างๆซึ่งอาจจะนำไปสู่การเติบโตอย่างรวดเร็วของการนำ Biomatrics มาใช้ source | pymnts.com [บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

SmartSME Line