หากต้องเลือกระหว่าง “งานที่รัก” กับ “เงินที่ต้องใช้” จะเลือกอันไหนดี ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำตอบตามเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถเลือกทั้งสองอย่างได้ โดยดูได้จากเหล่าเศรษฐีที่มีแนวคิดทางจิตวิทยาคล้ายคลึงกันจากการทำงาน

สำหรับคนที่ได้ทำ “งานที่รัก” กับได้ “เงินที่ต้องใช้” พวกความคิดที่คล้ายคลึงกัน ดังต่อไปนี้

มีความเชี่ยวชาญในสายงานของตัวเอง

การศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาเชิงบวก พบว่า ช่วงเวลาที่ทำให้คนมีความสุข คือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบตามทักษะ และความสนใจที่มีอยู่ โดยนักจิตวิทยาชาวอังกฤษได้ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักศึกษา จำนวน 100 คน ภายในระยะเวลา 2 เดือน เปรียบเทียบกับนักศึกษาทั่วไป พบว่ากลุ่มนักศึกษาที่สามารถนำความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในตัวเองไปใช้ในชีวิตประจำวัน จะประสบความสำเร็จ ทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ และดูเป็นคนมีความสุข

นอกจากนี้ จากหนังสือ "The Winner-Take-All Society," ซึ่ง Philip Cook และ Robert Frank นักเศรษฐศาสตร์ยังเขียนไว้ว่า คนที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถทำเงินได้ดีกว่าผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอะไรเลย ดังนั้นคุณควรเก่งอะไรก็ได้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง

พวกเขารู้สึกดีทุกครั้งกับสิ่งที่ทำ

แน่นอนคุณต้องรู้สึกโอเคกับงานที่ทำอยู่ในแต่ละวัน แต่คุณรู้สึกอย่างไรกับนายจ้างที่ทำอยู่ตอนนี้ โดยหนังสือ "What Price the Moral High Ground?" Frank กล่าวไว้ว่า การที่นายจ้างรู้สึกดีกับภารกิจ คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณมีความสุขกับการประกอบอาชีพ

“เมื่อผู้คนส่วนใหญ่เลิกงานในตอนเย็น พวกเขาจะมีความรู้สึกดีมาก เมื่อเห็นว่าได้สร้างประโยชน์ต่อโลกใบนี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ทำอะไรให้แย่ลงไปกว่าเดิม” Frank เขียนลงใน Times

และไม่ต้องแปลกใจ หากผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเก็บผลสำรวจจากวารสารอิเล็กทรอนิกส์ 12,000 บทความ จากพนักงาน 238 คน ใน 7 บริษัท พบว่า พนักงานที่มีความสุขกับการทำงานจะสร้างผลงานระยะยาวให้กับบริษัทได้ดีกว่า และจะมีไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ

พวกเขาจมอยู่กับความสุขกับการทำงาน

ลองถามตัวเองว่า ครั้งสุดท้ายที่คุณจมอยู่กับความสุขจนลืมทุกอย่างเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่? โดยการวิจัยจาก Mihaly Csikszentmihalyi นักจิตวิทยาชาวฮังการี กล่าวว่า อาการแบบนี้เรียกว่าการตกอยู่ในภวังค์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีความสุขมากๆ มีความสร้างสรรค์ และอยู่ในอารมณ์สงบ

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าเราทุกคนสามารถตกอยู่ในภวังค์ได้ เพียงหางานที่รู้สึกมีความสุขให้เจอ และลงมือทำ

ที่มา: businessinsider