1. Just white

สีขาวให้ความรู้สึกจริงใจและเรียบง่าย ในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับอัญมณีและนาฬิกาหลายยี่ห้อต่างพากันออกแบบโดยใช้สีขาวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาที่เน้นหน้าปัดและสายรัดเป็นสีขาว แหวนเพชรที่เน้นไข่มุกเป็นจุดเด่น และดีไซน์เนอร์ทุกคนก็รู้ดีว่าเครื่องประดับสีขาวไม่ต้องการการแต่งเติมอะไรมาก แต่สิ่งที่ขาวต้องการคือเวทีจัดแสดง

2. Finish line

ถ้าจะพูดถึงเครื่องประดับของผู้ชาย คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากนาฬิกา เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังได้รับความนิยมมาตลอด โดยปีนี้หลายแบรนด์ได้นำแรงบันดาลใจของการออกแบบนาฬิกามาจากรถแข่งและกีฬา ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้ชายทั่วไปชื่นชอบอยู่แล้ว ทำให้บริษัทนาฬิกา, บริษัทรถยนต์ชั้นนำและสโมสรฟุตบอลชื่อดังได้ร่วมกันสร้างสรรค์นาฬิกาชาย โดยเน้นการออกแบบที่ทนทานและฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก อาทิ Bell&Ross, Renault sport, Zenith, El primo Range Rover, TaG Heuer, Manchester United formular I

3. Shade of grey

แต่ละปีจะมีสีต่างๆที่จะเป็นแนวโน้มของปีนั้นๆ แต่สาหรับสีดำและขาวจัดว่าเป็นที่นิยมทุกปี เนื่องจากเป็นสีที่บ่งบอกถึงความหรูหรา, คลาสสิกและมีระดับ แต่การจะเลือกใช้เครื่องประดับที่มีทั้งสีขาวและสีดำในชิ้นเดียวกันอาจทำให้ดูน่าเบื่อ ดังนั้นอีกทางเลือกคือ สีเทาเป็นสีที่ตรงข้ามกับสีสันแสบตา, สีของความสุภาพ อีกทั้งยังเป็นสีที่เข้ากับเครื่องประดับหรือเสื้อผ้าได้ง่ายอีกด้วย ทำให้หลายบริษัทนาฬิกาชั้นนำเลือกใช้สีเทามาใช้ในการออกแบบ เช่น Rado True Thinline Colours, Hugo Boss The Boss grand prix collection, Hermes Cape Cod TGM Manufacture และ Longines The longines Master collection

4. Golden as the sun

สีทองเป็นสีที่มีเสน่ห์และแรงดึงดูดอีกทั้งยังสื่อถึงความสวยงามและประวัติศาสตร์การส่องแสงของสีทองมักจะดึงดูดความน่าสนใจได้เสมอ อีกทั้งยังสื่อถึงความมีพลัง ดารานักร้องชื่อดังในฮอลลีวู๊ดหลายคนก็ได้สวมใส่เครื่องประดับทองเดินบนงานพรมแดง ไม่ว่าจะเป็น Taylor swift, Jennifer Lopez, Selena Gomez และสาวๆจากครอบครัว Kardashian จึงทาให้ปีนี้สีทองจะถูกนามาใช้ออกแบบให้กับเครื่องประดับหลายชิ้น เช่น สร้อยคอจาก Chopard, Ice Cube, Pure bracelet แหวนของ Gucci Tiger ring Le Marche des Merveilles collection และ นาฬิกาจาก Graff Luxury Watches diamond watch