ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” หรือคนไทยจะเรียกชื่อกันติดปากว่า “มาม่า” เป็นอาหารที่มีติดแทบทุกบ้านเป็นส่วนใหญ่ ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายด้านด้วยกัน ทั้งในเรื่องราคา ขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก การหาซื้อตามร้านค้า, ร้านสะดวกซื้อ ที่ค่อนข้างง่าย
Nissin หนึ่งในแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดนิยมของโลกกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของธุรกิจ เมื่อเตรียมจะเปลี่ยนไปใช้แพคเกจจิ้งที่ทำมาจากกล่องกระดาษ โดยจะเริ่มในปี 2024 ที่สหรัฐฯ ก่อน
เศรษฐกิจไม่ดี แต่..ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังคึกคัก ! เพราะในประเทศไทยยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3-4 ต่อปี และมีการบริโภคโดยรวมของคนไทยอยู่ที่ราว 3,700 ล้านซองต่อปี หรือเฉลี่ยคิดเป็น 1 คน บริโภค 1 ซองต่อวัน
นอกจากการแข่งขันที่เป็นอย่างดุเดือดแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการได้เห็นลูกเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ เป็นใครก็ต้องมอง เมื่อนิสชิน แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสร้างสรรค์ไอเดียเป็นม็อบถูพื้นในลักษณะของถ้วยคัพ
สำนักงานอาหารสิงคโปร์ (SFA) ขยายเวลาเรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป Mie Sedaap จากอินโดนีเซียเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 สัปดาห์ หลังพบสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในพริกป่น
กรมการค้าภายใน ไฟเขียวให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 แบรนด์ ได้แก่ “มาม่า-ไวไว-ยำยำ” ขึ้นราคาซองละ 1 บาท จากเดิมซองละ 6 บาท มีผลวันที่ 25 สิงหาคม 2565
หากพูดถึงอาหารที่มีอยู่แทบทุกครัวเรือน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด คงหนีไม่พ้น “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย และมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เทน้ำร้อน รออีกประมาณ 5-6 นาที ก็สามารถรับประทานได้เลย
ภาวะเงินเฟ้อของเมืองไทย ไม่ได้ขึ้นมาประมาณ 15 ปี ถ้าพูดถึงภาวะเงินเฟ้อก็คือราคาสินค้า ต้นทุนสูงขึ้น มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นก็ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น หรืออีกหนึ่งด้านคือ ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ก็เลยทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่จ่อขึ้นราคามาหลายครั้ง ด้วยต้นทุนต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ให้ปรับขึ้นราคา