สถาบันวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือทีม “บีมี่ ซีเอ็มยู” ออกแบบและสร้าง BMEi Face Mask Enhancer เพื่อแก้ไขปัญหาของหน้ากากอนามัยที่มักจะ ไม่แนบสนิทกับใบหน้าเพราะขนาดไม่พอดีกับใบหน้า อีกทั้งชอบเลื่อนหลุดระหว่างการพูด เทคโนโลยีเบื้องหลังของความสำเร็จนี้อยู่ที่เครื่องพิมพ์ 3 มิติ

จุดเริ่มต้นของอุปกรณ์นี้อยู่ที่ บีมี่ ซีเอ็มยู ได้ตั้งข้อสงสัยตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าคนทั่วไปก็ต้องเจอปัญหาที่หน้ากากอนามัยมีขนาดไม่พอดี ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากแบบแผ่นสี่เหลี่ยมและแบบครอบใบหน้า

โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ใส่หน้ากากกันแบบหลวม ๆ หากไปในสถานที่เสี่ยง ก็จะทำให้มีความเสี่ยงในการรับเชื้อสูง และยังมีหลายครั้งที่หน้ากากจะเลื่อนหลุดลงมาใต้จมูกขณะพูด เพราะขากรรไกรทำหน้าที่เหมือนตัวดึงหน้ากากลงโดยไม่ตั้งใจ

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วงที่มีการตั้งคำถามว่าทำไมถึงมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงพยาบาลทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็ใส่หน้ากากตลอด ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากการที่หน้ากากไม่แนบกระชับกับใบหน้า ทำให้มีโอกาสที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ทางช่องว่างเหล่านั้น

จึงเป็นที่มาของการที่ทีม บีมี่ ซีเอ็มยู ได้ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับแนวคิดนี้ และพบว่ามีคนคิดเห็นเช่นเดียวกันไปบ้างแล้ว และกลายเป็นอุปกรณ์อย่างที่ได้เห็นกันนี้

ตอนนี้ บีมี่ ซีเอ็มยู ได้ออกแบบและผลิต BMEi face mask enhancer มา 3 เวอร์ชันแล้ว ด้วยรูปทรงและวัสดุที่ต่างกันไป จนได้เวอร์ชันที่เชื่อว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว โดยมีขนาดให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ S, M และ L ตามขนาดใบหน้าของแต่ละบุคคล

และมีความตั้งใจให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้ จึงออกให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อลดปริมาณขยะให้กับโลก ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นอีกปัญหาใหญ่หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 คลีคลาย

บีมี่ ซีเอ็มยู จะแจกจ่าย BMEi face mask enhancer นี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เนื่องจากต้องใช้ 3D printer ในการผลิตอุปกรณ์แต่ละชิ้น ซึ่งต้องใช้เวลาและต้นทุนค่อนข้างสูง และสำหรับบุคคลทั่วไป บีมี่ ซีเอ็มยู อยู่ระหว่างการตกลงขั้นสุดท้ายกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อผลิต BMEi face mask enhancer ราคาถูกเพื่อให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสใช้กันในเร็ว ๆ นี้