เพราะโลกธุรกิจล้วนหมุนเปลี่ยนเร็วตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค การประกอบธุรกิจให้สำเร็จ SMEs ควรต้องศึกษาเทรนด์ธุรกิจ มุมมองวิสัยทัศน์และต้องเข้าใจความต้องการของคนยุคปัจจุบัน เพื่อตั้งรับอย่างมั่นคงนำไปสู่การพัฒนาทั้งทางด้านบุคลากรและนวัตกรรมอย่างยั่งยืน (มาดู 5 อันดับธุรกิจมาแรงปี 2017 กันเถอะ) Learning ธุรกิจให้ความรู้ พัฒนาศักยภาพหรือธุรกิจสอนรวย เป็นสิ่งที่เหล่า SMEs, Startup และคนทั่วไปให้ความสนใจ ที่สำคัญคือการเรียนรู้ของคนยุคใหม่มันไม่ได้จบแค่ในห้องเรียน ห้องสัมมนาเท่านั้น เพราะคาดว่าธุรกิจ E-Learning และ Tech Startup จะมาแรงแน่นอนในปี2017 ส่วนธุรกิจให้ความรู้ที่น่าจับตาคือธุรกิจสอนภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ Food & Healthy นั่นเพราะความรู้สามารถเปลี่ยนความเชื่อได้อย่างแท้จริง คนยุคปัจจุบันจึงหันมาสร้างความงามจากภายในสู่ภายนอกกันมากขึ้น สังเกตว่าใครที่ทำธุรกิจสุขภาพอย่างจริงจังในปี2016 มักได้รับความสนใจคนส่วนใหญ่ และคาดว่าในปี 2017 ธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารออร์แกนิคส์ อาหารเสริม ออกกำลังกาย ฯลฯ จะเติบโตอีกเท่าตัวและแข่งขันกันมากขึ้น Online & IT คงเป็นเรื่องน่าแปลก ถ้าธุรกิจออนไลน์และไอทีจะไม่ติดอยู่ในโผนี้ เพราะปัจจุบันธุรกิจแทบทุกประเภทต่างเคลื่อนย้ายตัวเองมาไว้ในออนไลน์และในโทรศัพท์มือถือกันแทบทั้งสิ้น ส่วนที่เห็นจะบูมมากที่สุดในปีนี้และมาแรงต่อเนื่องถึงปีหน้าคงหนีไม่พ้น E Commerce, Digital Marketing, Content Marketing ซึ่งแน่นอนว่าคนบ้านเรามีความรู้ด้านนี้ยังไม่มากเท่าที่ควร ส่วนเอเจนซี่ไหนที่ทำการตลาดออนไลน์ ปีหน้าอาจต้องตั้งรับกับการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการก้าวสู่ยุคของการเชื่อมโยงทุกอย่างไว้บนอินเตอร์เน็ท หรือ IoT (Internet of Things) ซึ่งระบบประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลของ Cloud Computing เป็นสิ่งที่เราต้องเร่งศึกษาเพื่อก้าวทัน Tourism ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศมีโอกาสสดใสอย่างมากในปีหน้า นั่นเพราะการโคจรมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมทั้งอายุและพฤติกรรมของคนแต่ละ Gen ที่ต่างโหยหาการเดินทางท่องเที่ยว คาดว่าปีหน้าจะมีเงินสะพัดจากการกินและการเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่มาจากคนกลุ่ม millennials ที่สำคัญคือชาวต่างชาตินิยมเข้ามาท่องเที่ยวประเทศเราเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง Social Enterprise เป็นแนวทางการประกอบธุรกิจที่น่าสนใจมาก เพราะมีเป้าหมายไม่ไช่เพียงผลกำไรเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาสังคม พัฒนาชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่นกรณีของการทำธุรกิจเชิง ECO หรือ Reduce, Reuse, Recycle, Repair และ Upcycle การประกอบธุรกิจเพื่อสังคมต่างจากกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมหรือ CSR (corporate social responsibility) ตรงที่ธุรกิจเพื่อสังคมมีเป้าหมายในการสร้างสรรสังคมและสิ่งแวดล้อม ส่วน CSR เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อสังคมที่จัดขึ้นในบางครั้งบางโอกาสเท่านั้น เหล่านี้คือเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงอย่างแน่นอนในปี 2017 ส่วนธุรกิจอื่นๆที่ต้องการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วภายใต้ยุคของนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมผู้บริโภค ผู้ประกอบการจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างในธุรกิจ "Differentiate your Business" เพื่อรับกับการเป็น Thailand 4.0 (New Engines of Growth) ก้าวไปสู่ความ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน